สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านที่คิดถึงทุกท่าน
คราวนี้หายไปนานจริง ๆ เพราะช่วงกลางเดือนกุมภา มัวแต่เสวยอกุศลวิบาก ไม่สบายด้วยไข้หวัดติดเชื้อแบคทีเรีย ต้องรักษาตัวอยู่สองสัปดาห์ แต่ก็ยังไม่หายดีนัก พอดีกับเป็นโอกาสที่จะต้องไปเที่ยวและแสวงบุญตามที่ครูบาอาจารย์ได้สั่งไว้ตั้งแต่ต้นปี ว่าปีนี้ต้องไปนมัสการพระธาตุให้ครบถึง ๔ แห่ง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว พอเดินทางจริง ๆ ร่างกายก็แข็งแรงดีอย่างไม่น่าเชื่อ
ฉันและสามีได้เดินทางด้วยเครื่องบินสายการบินไทย เมื่อวันพุทที่ ๗ มีนา ใช้เวลาบิน ๑๐ ชั่วโมง ตลอดเวลาสิบชั่วโมงก็หลับบ้าง เดินเล่นบ้างเป็นการยืดเส้นยืดสายแล้วก็ไปหลับต่อ พอตื่นมาก็แก้เซ็งด้วยการดูภาพยนต์ไทยบ้างฝรั่งบ้าง ก็ทำกิจกรรมวนเวียนกันเช่นนี้ จนในที่สุดเวลาสิบชัวโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วได้เหมือนกัน มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันไปขอน้ำแอร์ฯ ดื่ม แล้วก็ยืนดื่มอยู่ตรงท้ายเครื่อง ตรงที่พวกแอร์ฯ เขาทำงานกัน มีแอร์ฯ สาวน้อยคนหนึ่ง เธอถามฉันว่า
"คุณป้าจะไปไหน เมื่อลงเครื่องแล้ว" ฉันตอบว่า
"ป้าจะไปนมัสการพระธาตุพนม" เธอถามต่อ
"จริง ๆ เหรอค่ะ" "ก็จริง ๆ จะพูดเล่นทำไมกัน" เธอพูดแล้วก็หัวเราะ คงจะขำมากและคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้
"คุณป้า..นครพนมไม่ใช่ใกล้ ๆ นะคะ นั่งรถประมาณ ๑๐ ชั่วโมงน่ะ ตายนะป้า" ฉันก็ขำเหมือนกันว่าวันรุ่งขึ้นเราจะต้องนั่งรถไปนครพนมอีกตั้ง ๑๐ ชั่วโมง เพราะระยะทางจากกรุงเทพฯ ถึงนครพนมประมาณ ๗๔๐ กม. แต่เราก็ได้จัดโปรแกรมไว้เรียบร้อยแล้ว ก็ต้องดำเนินการตามโปรแกรมที่กำหนดไว้ ไม่ช้าก็คงรู้เองว่าจะไหวหรือไม่ !!
วันพฤหัสบดีที่ ๘ มีนา เครื่องบินถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา ๐๖.๐๐น. กว่าจะรับกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยก็ใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที หลังจากนั้นก็ไปรอพบน้องสาวอีกราว ๆ ๒๐ นาที เขาก็มากับลูกชาย เขาก็พาเราไปพักที่คอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ได้พักผ่อนชั่วโมงกว่า ๆ แล้วก็เริ่มทำกิจกรรมตามโปรแกรมทันที เริ่มแรกต้องไปเติมกำลังให้ร่างกายก่อน เราก็ไปรับประทานอาหารที่ศูนย์การค้า Terminal 21 ที่นั่นมีอาหารมากมายสารพัด เลือกสั่งทำสด ๆ ร้อน ๆ ทันใจไม่ต้องรอนาน ราคาก็ไม่แพงนัก ที่นั่งก็สะดวกสบายดี....หลังจากนั้นเราก็ตั้งใจว่าจะไปนมัสการพระแก้วมรกต แต่พอไปถึงจริง ๆ ก็ผิดหวังอย่างแรง เพราะเจ้าฟ้าชาย (พระบรมโอรสาธิราช) จะเสด็จเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อนแด่พระแก้วมรกต ทางเจ้าหน้าที่เขาปิดประตูห้ามคนนอกเข้า คนในก็ต้องรีบออกกันแทบไม่ทัน เป็นอันว่าโปรแกรมนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ เราก็ดำเนินโปรแกรมต่อไป ไปชมวัดแขกที่สีลม ไปไหว้พระศิวะ,พระแม่มหาอุมาเทวี,พระพิฆเนตร และเทพเจ้าอีกหลายองค์ ได้ถวายผลไม้แด่พระศิวะ และได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการตกแต่งวิมานต่าง ๆ ของเทพเจ้าแต่ละองค์ ซึ่งมีความวิจิตรพิสดารแตกต่างกัน เพื่อที่จะได้นำมาใช้ตกแต่งเพิ่มเติมและแก้ไขบางอย่าง และปรับปรุงให้ถูกต้องแก่วัดฮินดู ที่กำลังก่อสร้างอยู่ขณะนี้ในประเทศสวิตเซอร์ซึ่งสามีเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างอยู่ ไปวัดแขกก็ได้ประโยชน์และได้บุญด้วย ในการไปชมวัดฮินดูที่สีลมครั้งนี้ ที่นั่นคึกคักไปแพ้วัดพุทธ มีคนศรัทธามาก มีทั้งคนไทยคนจีนไปขอพรจากเทพเจ้าต่าง ๆ ตามความเลื่อมใสศรัทธา วันนี้ก็ผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหาสุขภาพเรื่องปรับเวลา ถึงเวลาหลับก็หลับตามเวลาของไทย แต่ไปตื่นตีสามก็เป็นเวลาสามทุ่มของสวิตฯ รู้สึกจะจะแย่หน่อยเพราะจิตไม่ยอมเข้าภวังค์อีก ก็ต้องนอนคุยกันสองคนจนเผลอหลับไปเอง ตื่นเช้าก็ราว ๆ ๖ นาฬิกา ก็เตรียมตัวออกเดินทางไปจังหวัดนครพนม
วันศุกร์ที่ ๙ มีนา เดินทางโดยรถตู้ขนาดที่นั่ง ๑๐ คน แต่เราไปกันแค่ ๓ คน รวมกับคนขับรถเป็น ๔ คนที่ต้องเช่ารถตู้ เพราะว่านั่งสะดวกสบายดี เผื่อจะได้นอนเหยียดแข้งเหยียดขาได้เต็มที่ แต่ปรากฏว่าพอไปจริง ๆ ก็ไม่มีเวลาที่จะมานอนเหยียดแข้งเหยียดขาสบาย ๆ อย่างที่คิดหรอกนะ จิตมันตื่นตลอดเวลา บางครั้งก็สวดมนต์ เพื่อให้การเดินทางผ่านไปด้วยดีไม่มีอุปสรรค ก็เลยไม่ค่อยได้หลับ และอีกอย่างหนึ่งเส้นทางสายนี้เรายังไม่เคยรู้จักมาก่อน ก็เลยไม่ยอมหลับเพราะอยากจะชมวิวทิวทัศน์ข้างทางบ้างว่าสวยขนาดไหน......วันนี้ตั้งใจว่าจะออกเดินทางแต่เช้า ๆ คือ ๗ นาฬิกา แต่ต้องรอคนขับรถราวครึ่งชั่วโมงกว่าจะมารับ เพราะช่วงเช้า ๆ รถแถวปทุมธานีก็ติดไม่แพ้ในกรุงเทพฯ วันนี้เรามาพักเพื่อรอขึ้นรถที่ปทุมธานี เดินทางเส้นทางสระบุรี ถึงอำเภอสีคิ้วประมาณเกือบเที่ยงวัน จากถนนมิตรภาพมองเห็นพระวิหารสีขาวสง่างามมาก ตั้งอยู่กลางบริเวณทุ่งหญ้าสีเขียวห้อมล้อมด้วยสวนหย่อมหลายประเภทสวยงามสะดุดตา ฉันจึงบอกคนขับรถให้แวะเข้าชมวัดสักหน่อย เพราะน่าสนใจมาก ๆ เลย คนขับรถบอกว่า
"สถานที่นี้คือวัดหลวงปู่โต สร้างโดยสรพงศ์ ชาตรี อดีตพระเอกหนังชื่อดัง ที่นี่มีก๋วยเตี๋ยวราดหน้าชาววังอร่อยมาก ใครมาก็ต้องแวะทาน ถือว่าเป็นบุญด้วยที่ได้ทานก๋วยเตี๋ยวราดหน้าของหลวงปู่" ฉันได้แต่นึกอยู่ในใจว่า โชคดีจริง ๆ วันนี้จะได้กินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าของโปรด จะสละสิทธิ์ได้ยังไง ไหน ๆ มาถึงวัดหลวงปู่แล้ว ต้องให้ถึงจริง ๆ จะได้นำไปเล่าให้คนอื่นฟังได้ถูกต้อง เพราะได้ไปสัมผัสมาแล้วด้วยตนเอง แต่โชคไม่ดีตรงที่ยังไม่ได้พบคุณสรพงศ์ ชาตรีคนสำคัญในการสร้างวัดหลวงปู่โต เผื่อจะได้มีโอกาสอนุโมทนาบุญกับเขาด้วย
มาถึงในบริเวณวัดหลวงปู่โต หรือวัดโนนกุ่ม บางคนก็เรียกว่า
"วัดสรพงศ์" ก็แล้วแต่ใครอยากจะเรียก
เราก็ได้เดินชมบริเวณรอบ ๆ นอกก่อน เพราะมีสวนดอกไม้สวย ๆ น่าถ่ายรูปเยอะแยะ เสร็จแล้วก็เข้าไปในพระวิหารหลวงปู่โต มีองค์หลวงปู่โตซึ่งหุ้มด้วยทองเหลืองอร่ามตระการตา เป็นองค์ใหญ่ที่สุดในโลก.....ฉันและน้องสาวได้สวดพระคาถาชินบัญชรถวายหลวงปู่, เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวด้วย ส่วนสามีสวดไม่ได้ก็นั่งพนมมืออยู่ข้าง ๆ เราได้ทำบุญหลายประเภท ได้ร่วมกันถวายผ้าไตรจีวรแด่หลวงปู่ด้วย และถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ ที่นั่นมีตู้รับบริจาคทำบุญหลายประเภทแล้วแต่ศรัทธา สังเกตดูจะเห็นว่า แต่ละตุู้รับบริจาคหรือทำบุญจะมีแต่แบ้งค์สีเขียวเกือบเต็มตู้ทั้งนั้นเลย เดี๋ยวนี้ไปทำบุญที่วัดไหนก็จะเห็นแต่แบ้งค์ ๒๐ บาททั้งน้าน ดีจังเลยเพราะคนเงินน้อยก็จะได้มีโอกาสทำบุญกับเขาได้เหมือนกัน ผู้คนหลั่งไหลมาชมและมาทำบุญกันอยู่เรื่อยไม่ขาดสาย เสร็จแล้วก็ต้องไปเจอกันอีกที่โรงทานอีกครั้ง ถ้ามาวัดหลวงปู่แล้วไม่กินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าก็ถือว่ายังมาไม่ถึง ทำบุญวัดนี้อิ่มทั้งใจทั้งกาย.....ท่านผู้ใดยังไม่เคยไปชมและไปทำบุญวัดหลวงปู่โต ก็ชมรูปภาพไปก่อนนะคะ เมื่อมีโอกาสก็ไปชมของจริงด้วยตนเองก็แล้วกัน.....อย่าลืมร่วมอนุโมทนาบุญด้วยนะคะ หลังจากอ่านและชมรูปภาพจบแล้ว เพราะบุญจากการอนุโมทนาเป็นบุญที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย เป็นบุญที่ได้โดยง่าย ๆ การอนุโมทนาบุญกับผู้อื่นเป็นบุญประเภทหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการ......ต่อไปนี้ก็ขอเชิญชมรูปภาพวัดหลวงปู่โต(สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี) ได้ตามอัธยาศัย และขอเชิญติดตามตอนต่อไปอีกค่ะ
|
พระวิหารหลวงปู่โตด้านหน้าตอนเวลาเที่ยงวัน |
|
พระวิหารหลวงปู่โตด้านข้าง |
|
องค์หลวงปู่โตใหญ่ที่สุดในโลกประดิษฐานในพระวิหาร |
|
องค์หลวงปู่โตหุ้มด้วยทองเหลืองอร่ามงดงามเป็นพิเศษ |
|
พระอุโบสถหลวงพ่อพุทธชินราชและหลวงพ่อทันใจ |