โอมพระพิฆเนศวร |
เรื่องที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องเล่าจากคนรู้จักกันเล่าให้ฟังอีกทีหนึ่งค่ะ.....จะจริงหรือไม่ก็ไตรตรองกันเองนะคะ.....เธอผู้นำเรื่องมาเล่านี้ เธอบูชาพระพิฆเนตรด้วยความศรัทธามาก เธอศรัทธาในศาสนาฮินดูมาก
พอ ๆ กับศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา....ในบ้านของเธอจะมีห้องพระโดยเฉพาะ ซึ่งตกแต่งไปด้วยองค์เทพเจ้า และรูปภาพขององค์เทพเจ้าแห่งศาสนาฮินดูด้วย จนดูเหมือนเป็นวัดฮินดู ส่วนองค์บูชาของหลวงปู่หลวงพ่อนั้น ดูเหมือนจะไม่เห็นเด่นชัดเท่าองค์เทพเจ้านัก.....ฉันเห็นแล้วก็อดที่จะแนะนำไม่ได้ เพราะเหตุว่าการบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวนั้น ควรที่จะต้องกระทำให้ถูกต้อง จึงจะเป็นผลดี
สิ่งศักดิ์สิทธิ์และสิ่งเร้นลับมีจริง มีทั้งให้คุณและให้โทษได้เช่นกัน ถ้าปฏิบัติไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงควรปรึกษาผู้รู้หรือศึกษาจากตำราก็ได้....ฉันได้แนะนำให้เธอจัดห้องพระให้ถูกต้อง โดยแยกมุมห้องให้เป็นสัดส่วน มุมหนึ่งเป็นมุมของพระพุทธศาสนา จะมีหิ้งหรือโต๊ะหมู่บูชา ตั้งไว้สูงกว่าองค์เทพเจ้า.....ส่วนมุมของศาสนาฮินดูนั้น จัดไว้ให้ต่ำกว่า เช่น รูปภาพองค์เทพต่าง ๆ ควรติดไว้ที่ผนังให้ต่ำกว่ารูปภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือรูปพระอริยเจ้า เธอก็เป็นผู้ว่าง่าย เมื่อได้รับคำแนะนำจากฉัน เธอก็รีบเปลี่ยนทันที เพราะเหตุว่าวันนั้นเป็นวันที่ลูกชายคนเล็กของเธอ โดนรถชนสมองเละและขาหักข้างหนึ่ง เธอเลยรีบเปลี่ยนแปลงห้องพระทันที เพราะคิดว่าคงจะช่วยให้ลูกชายของเธอ มีอาการดีขึ้น นี่ก็เป็นกำลังใจอย่างหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตแต่ละวัน ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายนี้ เป็นผลของกรรม (วิบากกรรม) ที่ได้กระทำแล้ว เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมแล้วจึงปรากฏแล้ว ก็ดับไปตามความเป็นจริงของสิ่งทั้งหลาย มีเกิดแล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา ดังคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้
มีอยู่วันหนึ่งเธอตั้งใจว่า จะนำรูปภาพของพระพิฆเนตรไปติดไว้ ที่ห้องนอนของลูกชายที่โรงพยาบาล ปรกติเธอจะเดินทางไปเยี่ยมลูกชายด้วยรถไฟ......แต่วันนี้บังเอิญมีเพื่อนของเธอว่างจากงาน เขาได้อาสาขับรถ พาเธอไปโรงพยาบาล ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ ๑ ชั่วโมง ได้มีเพื่อนของคนขับนั่งไปด้วยตรงด้านหน้า ส่วนตัวเธอนั่งด้านหลัง ในมือถือรูปภาพพระพิฆเนตรบานใหญ่.....รถบนถนนทางด่วนก็เป็นที่ทราบกันแล้วว่า จะต้องแล่นด้วยความเร็วมาก.....เธอได้เล่าว่า เธอไม่รู้สึกตัวเลยว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับเธอ มันแค่ชั่ววูบเดียว พอรู้สึกตัวก็รีบคลานออกมาจากหลังรถออกมา ประตูรถข้างหนึ่งถูกล็อคโดยอัตโนมัติ ส่วนประตูอีกด้านหลุดกระเด็นไปอยู่คนละฟากถนน รถคันหลังจะแซงคันหน้า ไม่ทราบว่าทำอีท่าไหน เสียหลักเลยพุ่งไปทิ่มก้นรถคันที่เธอนั่ง ด้านหลังประตูพังหลุดหมด เรียกว่ารถพังทั้งคัน ไม่มีสภาพที่จะซ่อมได้เลย.....แต่เธอรอดมาได้อย่างอัศจรรย์มาก.....เพราะปาฏิหาริย์ของพระพิฆเนตรอย่างแน่นอน....เธอบอกว่าถ้าเธอไม่มีพระพิฆเนตรไปด้วย เธอและเพื่อนก็คงจะต้องตายคาที่แน่ ๆ เลย
หลังจากนั้นมาอีกหนึ่งปี....เธอก็ประสบกับอกุศลวิบากอย่างหนักอีกครั้ง บ้านที่เธออยู่อาศัยได้ถูกไฟไหม้ตอนกลางวัน ๆ หนึ่ง ขณะที่เธอกำลังนอนหลับพักผ่อน อยู่กับหลานสาวตัวเล็ก เธอกำลังหลับสนิท ควันไฟได้โหมทั้งบ้าน แต่เธอก็ไม่ร้สึกได้กลิ่นควันเลย จนกระทั่งลูกสาวของเธอ มาพบเหตุการณ์เห็นไฟกำลังไหม้บ้านอยู่ จึงรีบปลุกเธอให้รีบหนีไฟ.......ในที่สุดไฟก็ได้ไหม้บ้านตึกชั้นที่เธออาศัยอยู่ หมดเกลี้ยง ห้องพระก็ไม่เหลือเลย.....โชคดีที่เธอไม่โดนไฟไหม้.....ฟังแล้วก็เกิดความสงสารนะคะ....เรื่องวิบากกรรมนี่ซื่อสัตย์มากเลย ทำดีได้ทำชั่วได้ชั่ว เป็นสัจธรรม....เป็นธรรมะที่เราควรศึกษากันให้มาก ๆ เพื่อความเข้าใจตามความเป็นจริง ของสิ่งทั้งหลายว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน บุคคล....ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิด
ขอขอบคุณทุกท่าน ที่ให้ความสนใจติดตามเว็บไซต์ "แปลกแต่จริง" มาโดยตลอด.....โอมพระพิฆเนศวร