วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ชมพระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย อ.ลี้, จ.ลำพูน

สวัสดีค่ะ  ท่านผู้อ่านทุกท่าน

ท่านใดที่แวะเข้ามาเยี่ยมเว็บนี้  จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม  ฉันขอขอบคุณมาก ๆ ค่ะ  ยังไงก็อย่าเพิ่งรีบหนีนะคะ  ขอเชิญชมภาพพระมหาเจดีย์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทยก่อนนะ คะ....พระเจดีย์ที่นี้มีความงามอันวิจิตรพิสดารไม่เหมือนที่อื่น ๆ  เป็นฝีมือของคนไทยที่ได้ร่วมกันสร้าง  โดยมีหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา พระอาจารย์ชื่อดังของภาคเหนือ เป็นผู้ริเริ่มออกแบบและก่อสร้าง  นั่นก็คือ  "พระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย"

เมื่อวันที่ ๑๕ มีนา ศกนี้  เราได้มีโอกาสไปนมัสการพระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัยอีกครั้งหนึ่ง  เมื่อ ๗ ปีที่แล้วก็ได้ไปเป็นครั้งแรก ตอนนั้นการก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์  คราวนี้องค์พระเจดีย์เสร็จเรียบร้อยแล้ว  สวยงามพิเศษจริง ๆ  เหลืองอร่ามตาตั้งแต่ทางเข้าวัด  เห็นแล้วเกิดกิเลสอยากถ่ายตรงโน้นตรงนี้  ตรงนั้นก็สวย ตรงนี้ก็งาม  ในที่สุดแบตเตอรี่หมด อดถ่าย  นึกขึ้นได้ว่ายังมีกล้องจากโทรศัพท์มือถือ  ก็งัดออกมาถ่ายต่อ  วันนั้นแดดร้อนมาก ๆ  เลย  แต่เราก็ไม่ท้อแท้ที่จะถ่ายภาพ  เพราะไหน ๆ มาทั้งที

สิ่งที่จะลืมไม่ได้ก็คือ  ไปกราบนมัสการพระเจดีย์  แล้วก็เวียนเทียนพระเจดีย์ ๓ รอบ ถวายเป็นพุทธบูชา  ธรรมบูชาและสังฆบูชา จากนั้นก็แยกย้ายไปทำบุญทำทานตามแต่จะศรัทธา  เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจ  แล้วจึงเดินทางต่อไปเพื่อไปนมัสการพระธาตุเจดีย์แห่งต่อไปอีก

ตรงนี้ขอแวะนอกเรื่องซะหน่อยนะ.... เราได้จัดทัวร์ ๔ ภาค เพื่อนมัสการพระธาตุเจดีย์, กราบนมัสการพระพุทธรูป และทำบุญทำทานตามวัดที่มีพระธาตุเจดีย์  ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด ๑๙ วัน  เป็นครั้งแรกที่เราเดินทางไปเมืองไทย เพื่อทำทัวร์บุญโดยเฉพาะ  เพราะเหตุว่าครูบาอาจารย์ (เทวดา) ท่านได้มาบอกว่า  ถึงเวลาที่จะต้องไปทำบุญนมัสการพระธาตุให้ครบ ๔ ภาค เพื่อเสริมบารมี.....  เราก็ไปตามที่ท่านบอก  โดยมีน้องสาวกับน้องเขย  เป็นผู้ช่วยจัดโปรแกรมให้ และช่วยขับรถบริการให้ความสะดวกทุกอย่าง ทำให้การสร้างกุศลครั้งนี้ผ่านไปด้วยดี  ไม่มีอุปสรรคใด ๆ ขัดขวาง  น้องสาวและน้องเขยเป็นคนใจบุญ ชอบทำบุญทำทานเป็นอุปนิสัย  เขาเสียสละเวลาทำงานเพื่อพาฉันและสามีไปตามวัดต่าง ๆ  ถึงกับลางาน ๓ สัปดาห์เต็ม ๆ   ส่วนน้องเขยก็ลางานเพื่อที่จะขับรถพาไปทำบุญทางภาคเหนือและภาคใต้โดยเฉพาะ  เขามีน้ำใจไมตรีและเอื้อเฟื้อเหลือเกิน  จนฉันอดที่จะนำมากล่าวถึงไม่ได้  เขาเต็มใจที่ะร่วมทำบุญด้วยเสมอ  ชวนไปวัดไหนก็ไปกัน  ไม่มีการขัดแย้งใด ๆ ทั้งสิ้น  ฉันก็ประทับใจในน้ำใจพวกเขา  การที่เขามีน้ำใจโดยไม่หวังผลอะไรตอบแทน  ทำให้เขาได้รับอานิสงส์เกินคาด   ตอนขากลับบ้านที่กรุงเทพฯ  ระหว่างทางได้มีหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดหนึ่ง  ซึ่งเขารู้จักกับน้องเขยดี ได้โทรบอกให้เขาไปรับพระพุทธรูปที่วัด  พวกเขาก็แวะไปที่วัด  คิดว่าคงจะเป็นพระพุทธรูปเหรียญเล็ก ๆ  ที่ไหนได้เป็นพระพุทธรูปโบราณองค์ใหญ่มาก  หนักมากยกสองคนแทบไม่ไหว  เป็นพระพุทธรูปที่หาค่ามิได้  ที่ฉันนำมาเล่าในที่นี้  ก็อยากจะบอกกับท่านผู้อ่านว่า  การทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน  มีอานิสงส์เห็นทันตาได้คะ


ประวัติย่อของพระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย
พระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย  ตั้งอยู่ที่ วัดหนองวัวเฒ่า หมู่ที่ ๙  บ้านหนองปู (ห้วยต้ม)  ต.นาทราย  อ.ลี้  จ.ลำพูน  สร้างโดย หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา เริ่มก่อสร้างปี พ.ศ.๒๕๓๘  จนกระทั่งหลวงปู่ครูบาชัยยะฯ  ได้ละสังขารในปี พ.ศ.๒๕๔๓  พระเจดีย์มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  เป็นเจดีย์แห่งแรกที่สร้างด้วยศิลาแลงทั้งองค์........  สมเด็จพระญาณสังวร  สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปรินายก  ได้ประทานนามพระเจดีย์นี้ว่า "พระมหาเจดีย์ศรีเวียงชัย" 

จุดประสงค์ของการสร้าง
เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งการตรัสรู้โปรดเวไนยสัตว์ของพระพุทธเจ้า  ๕ พระองค์แห่งภัทรกัป







ถ้าอยากชมความวิจิตรพิสดารของศิลปะการก่อสร้างพระเจดีย์ศรีเวียงชัย  ก็ต้องไปชมของจริง ซึ่งสวยงามกว่านี้หลายเท่าจ๊ะ.....พบกันใหม่ในบทความต่อไปนะคะ

                                                           ขออุทิศส่วนกุศลแก่สรรพสัตว์

                                                                 .................................







วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕,วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ


 ทีฆายุกา  โหนตุ  มหาราชินี
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม  ขอเดชะ
สมาคมไทย-กวนอิม,สวิตเซอร์แลนด์
(Thai-Kuan yin-Union,Switzerland)





วัดพระธาตุจอมปิง,ลำปาง

สวัสดีค่ะ  ท่านผู้อ่านทุกท่าน

ท่านเคยไปนมัสการพระธาตุจอมปิงที่จังหวัดลำปางหรือยังคะ  ฉันเองก็เพิ่งไปนมัสการพระธาตุจอมปิง เมื่อวันที่ ๑๔ มีนา ๕๕ ที่ผ่านมานี่เอง  น้องเขยและน้องสาวได้แนะนำว่า  วัดนี้น่าไปนมัสการพระธาตุและอยากให้ไปชมพระธาตุหัวกลับด้วย  ได้ยินแล้วก็งวยงงเหมือนกัน ว่าพระธาตุหัวกลับเป็นแบบไหนกัน  ทีแรกก็คิดอย่างคนโง่ ๆ ว่า เขาคงจะสร้างแบบเอาหัวกลับลงข้างล่างมั้ง  ก็เลยตื่นเต้นอยากจะไปดู  แต่น้องเขยได้อธิบายให้ฟังว่า  ที่ว่าพระธาตุหัวกลับนั้น เป็นเพียงเงาของพระธาตุ เป็นการหักเหของแสงที่กระทบกับพื้นหรือฝาผนัง ก็จะเห็นเงามีลักษณะหัวกลับลงข้างล่าง

วัดพระธาตุจอมปิง.... ตั้งอยู่ที่ บ้านจอมปิง ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง  เป็นวัดหนึ่งในลำปางที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องปรากฏการณฺ์เงาพระธาตุ  ทางทิศตะวันตกของพระธาตุสีเหลืองทองมี "พระอุโบสถ" เก่าแก่แบบสถาปัตยกรรมล้านนา และภายในอุโบสถนี้เกิดปรากฏการณ์ "เงาพระธาตุ" ที่หน้าต่างพระอุโบสถมีรูเล็ก ๆ ที่แสงส่องลอดเข้ามา ทำให้เกิดเงาพระธาตุพาดลงบนพื้น  ตลอดเวลาที่มีแสงเล็ดลอดผ่านเข้ามา  ทางวัดจึงได้นำเอากราบผ้าใบสีขาวมาเป็นฉากรับภาพ  เพื่อให้สามารถมองเห็นชัดเจนมากขึ้น....เมื่อเราเข้าไปในพระอุโบสถ  ก็จะมีคุณลุงท่านหนึ่ง  คอยทำหน้าที่เฝ้าพระอุโบสถคอยปิดประตูเพื่อไม่ให้แสงลอดเข้าไปภายใน  เมื่อเราเข้าไปตอนแรก ๆ ก็จะรู้สึกว่ามืดสนิทมองไม่เห็นอะไรเลย  แต่พอสักครู่หนึ่งผ่านไป  เมื่อสายตาปรับเข้ากับแสงภายในพระอุโบสถ ซึ่งผ่านมากระทบที่แผ่นผ้าสีขาว ก็จะเห็นเงาพระธาตุเป็นลักษณะเหมือนองค์จริง คือเป็นองค์พระธาตุสีทองสวยงามน่าอัศจรรย์มาก  เราก็ได้พยายามถ่ายภาพไว้ดู  รู้สึกว่าจะถ่ายยากหน่อย ต้องเพ่งที่รูปองค์พระธาตุ เราใช้กล้องจากโทรศัพท์มือถือถ่าย ก็พยายามจนได้ภาพมาฝากท่านผู้อ่านได้ชมกันจ๊ะ  มีทั้งพระธาตุเจดีย์ธรรมดาและมีหัวกลับด้วย  พิจารณากันเองก็แล้วกันนะคะ

ประวัติพระธาตุจอมปิง
วัดพระธาตุจอมปิง ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๕ บ้านจอมปิง  ต.นาแก้ว อ.เกาะคา จ.ลำปาง  จากตัวเมืองลำปางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ระยะทง ๒๖ กิโลเมตร....พระนางจามเทวี ขณะที่ได้สร้างวัดพระธาตุลำปางหลวงเสร็จเรียบร้อยแล้ว  พระนางก็ได้สร้างวัดพระธาตุจอมปิงอีก  จากนั้นต่อมาวัดนี้ก็ได้กลายเป็นวัดร้างไประยะหนึ่ง  ในกาลต่อมาท่านนันทปัญญาพี่เลี้ยงของพระเจ้าลกคำ (เจ้าติโลกราช เจ้าเมืองเชียงใหม่)  ได้มาทำการบูรณะ  ซึ่งเมืองนี้ได้ชื่อว่า  "จุมภิตาราม"  ท่านนันทปัญญามีเพื่อนชื่อ อ้ายจอมแพร่  ทั้งสองได้สร้างวัดคนละวัด  วัดที่อ้ายจอมแพร่สร้าง  คือ "วัดจอมปิงลุ่ม" ปัจจุบันนี้  และวัดที่ท่านนันทปัญญาสร้าง  ชื่อ "วัดจอมพี่เลี้ยง"  (วัดพระธาตุจอมปิง)

ถึงพุทธศักราช ๒๐๐๐ ได้เกิดศึกพระยาใต้ (สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แห่งกรุงศรีอยุทธยา)  ยกทัพมาประชิดเมืองลำปาง  เจ้าหมื่นดังนครไม่อยู  ไปราชการที่เชียงใหม่  เหลือแต่พระนางจามเทวีซึ่งกำลังตั้งครรภ์ ได้แต่งกายแปลงเป็นบุรุษออกไปสู้รบ จนกระทั่งกองทัพพระยาใต้พ่ายแพ้ไป  เมื่อเจ้าหมื่นดังนครและเจ้าติโลกราชทราบ  ก็ยกกองทัพจากเมืองเชียงใหม่มาช่วยสถานที่รบ ซึ่งสถานที่รบแห่งนี้ เรียกว่า  "มหาสนุก"  และได้ฉลองชัยชนะที่วัดนี้  พระนางได้สร้างพระเจดีย์ไว้องค์หนึ่ง  ส่วนสัณฐานดังกองข้าวเปลือก  ได้ตั้งชื่อใหม่ว่า  "วัดจอมพิงค์ชัยมงคล"  จต่อมาได้ออกเสียงเพี้ยนมาเป็น  "จอมปิง"  จนถึงปัจจุบันนี้

พระธาตุเจดีย์....กว้าง ๑๘ เมตร  สูง ๓๔ เมตร  ถูกฟ้าผ่าในปีพุทธศักราช ๒๕๐๐  ได้ทำการบูรณะใหม่อีกครั้ง  ปรากฏตามตำนานกล่าวว่า  ภายในพระธาตุเจดีย์ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้ประชาชนได้ไปนมัสการกราบไหว้ด้วย

ต่อไปนี้ก็ขอเชิญชมภาพพระธาตุเจดีย์หัวกลับได้แล้วจ๊ะ



                           ขออนุโมทนาบุญกับทกท่านค่ะ......แล้วพบกันอีกนะคะ


                                              .................................