สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้พบกันอีกเช่นเคยนะคะ แต่เรื่องราวที่ฉันจะนำมาเล่าสู่กันฟังคราวนี้ ไม่เช่นเคยหรอกนะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ "ศาลเจ้าแม่ทับทิม" ซึ่งตั้งอยูที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลที่เก่าแก่โบราณมากแห่งหนึ่ง มีผู้ศรัทธาไปกราบไหว้ขอพรท่านแม่ทับทิมอย่างไม่ขาดสาย ฉันเองก็เคยไปกับสามีมาแล้วถึง ๒ ครั้ง เวลานั่งเรือชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาทีไร ก็อดที่จะไปแวะกราบท่านแม่ทับทิมไม่ได้ ศาลท่านสงบและร่มเย็นดี ฉันคิดว่าบางท่านก็อาจจะยังไม่เคยเห็นศาลเจ้าแม่ทับทิมแห่งนี้ หรือยังไม่เคยไป วันนี้ก็ชมรูปกันไปก่อนนะคะ แต่ก่อนที่จะชมรูปภาพ ก็จะขอแนะนำประวัติย่อ ๆ ของเจ้าแม่ทับทิมด้วยจ๊ะ เพื่อท่านผู้อ่านที่ศรัทธาเลื่อมใสท่านแม่ทับทิม จะได้ปฏิบัติบูชาท่านอย่างถูกต้อง
ประวัติเจ้าแม่ทับทิม หรือ มาจอโปํ หรือเจ้าแม่เทียนโหวโจวโกว ซึ่งได้มีการบันทึกไว้มากมายหลายตำรา ทั้งที่เป็นการบันทึกของทางราชสำนักเป็นจดหมายเหตุ และการบันทึกของขุนนางเสนาบดีในพระราชสำนักของจีน เอกสารที่ได้บันทึกไว้ล้วนเป็นประโยชน์แก่ชนรุ่นหลังเป็นอย่างยิ่ง
เจ้าแม่ทับทิม มีนามเดิมว่า หลินโม่เหนียง เกิดเมื่อวันที่ ๒๓ เดือน ๓ ตามจันทรคติจีน พ.ศ.๑๕๐๓ ตรงกับปฐมราชวงศ์ซ่ง สมัยสมเด็จพระจักรพรรดิซ่งไท่จู่ หรือ เจ้าควงอิ้น เป็นปีเจี้ยนหลงที่หนึ่ง บิดามีนามว่า หลินเอวียนกง มารดามีนามว่า เฉินซื่อ บางตำนานว่า หวางซื่อ,,,,,,,สถานที่เกิดคือ เกาะเหมยโจว ซึ่งขึ้นกับเมืองจิงหัว หรือเมืองพูเถียนในปัจจุบันเป็นมณฑลฝูเจี้ยน หรือ ฮกเกี้ยน.......บรรพบุรุษที่สำคัญของหลินโม่เหนียงคือ หลินลู่กง (ลก) หรือ จินอานอํอง (หลิมฮู้ไท่ซือ หรือ หลินโหวไท่โส่ว กำเนิดเมื่อ พ.ศ. ๘๑๗ สิ้นพระชนม์ เมื่อ พ.ศ. ๘๙๙ ) คนสกุลหลินถือว่าท่านเป็นปฐมวงศ์แห่งสกุลหลินสายฮกเกี้ยนที่กระจายไปตามมณฑลใกล้เคียง ตลอดจนขยายไปตามประเทศแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ .........หลินโม่เหนียง เป็นอีกท่านหนึ่งที่สืบสายสกุลหลินแห่งมณฑลฮกเกี้ยน เธอเป็นโหลนลำดับที่ ๗ ของเท่าน....สื่อจุงกุง ซึ่งเป็นเจ้าเมืองเสี่ยวโจว ในสมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ.๑๑๕๑-๑๔๔๐) ท่านบิดาของทวดคือ ท่านอี้กง เป็นเจ้าเมืองเกาโจวจิว และท่านทวดคือ ปอกิกกง เป็นแม่ทัพสมัยห้าราชวงศ์ แห่งราชวงศ์โจวครั้งหลัง คือสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิซื่อจง และสมเด็จพระจักรพรรดิกงตี้ ทั้งสองพระองค์นี้ ความจริงสืบสายสกุลแซ่หลิน แต่ท่านใช้แซ่ไฉ (ฉั่ว) ขณะครองบัลลังค์ ด้วยเหตุผลทางการเมือง ท่านปอกิกกงได้ลาออกจากราชการ และอพยพครอบครัวไปอาศัยอยู่ที่บริเวณชายทะเลเซียงเหลี่ยงกัง
แห่งมณฑลฝูเจี้ยน.......บุตรชายคนหนึ่งของท่านปอกิกง คือ ฮูกง ซึ่งเป็นปู่ของหลินโม่เหนียง ได้เป็นข้าหลวงใหญ่แห่งมณฑลฝูเจี้ยน ท่านเอวียนกงเคยรับราชการในสำนัก ต่อมาได้อพยพไปอยู่เกาะเหมยโจว.....ท่านเอวียนกงและภรรยา มีบุตรทั้งหมดหกคน เป็นชาย ๕ คน คนสุดท้องเป็นหญิงคือ ซามปัํว มารดาอยากได้ลูกผู้หญิงอีกสักคน จึงได้สวดมนต์อ้อนวอนขอพรจากเจ้าแม่กวนอิม ขอให้ได้ลูกเป็นผู้หญิง ในคืนวันนั้นมารดาได้ฝันว่า เจ้าแม่กวนอิมได้เสด็จมาหา พร้อมกับมอบดอกไม้ให้ดอกหนึ่ง และให้รับประทาน หลังจากนั้นต่อมามารดาก็ตั้งครรภ์ เมื่อตอนคลอดได้มีปรากฏการณ์อัศจรรย์ยิ่ง บริเวณห้องนั้นเต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้ามากทั้งห้อง พร้อมด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้อบอวล นอกจากนั้นชาวบ้านยังได้เห็นแสงสว่างเจิดจ้า จากท้องฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีกด้วย และปรากฏว่าเป็นเด็กแข็งแรงมีสุขภาพสมบูรณ์และไม่ร้องไห้เป็นเวลาหนึ่งเดือนหลังจากลืมตาดูโลกแล้ว บิดามารดาจึงตั้งชื่อเล่นให้ว่า "โม่" แปลว่า "เงียบขรึม"
หลินโม่เหนียงเป็นเด็กที่ฉลาดมากและมีพลังจิตเป็นพิเศษ เมื่อเธออายุได้ ๑๕ ปี ได้รับถาดทองเหลืองจากอสุรกายซึ่งโผล่ขึ้นมาจากสระน้้ำที่เธอและเพื่อน ๆ ได้ไปมองดูเสื้อผ้าของตนในน้ำแทนกระจก เมื่อเพื่อนเห็นอสุรกายโผล่ขึ้นมา ก็ตกใจกลัวจึงพากันหนีไป ส่วนหลินโม่เหนียงไม่กลัวจึงรับเอาถาดมาด้วยความกล้าหาญ จึงทำให้เธอมีพลังวิเศษมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เธอมีความสามารถในการคาดการณ์ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ และมีความรู้เกี่ยวกับสภาพฟ้าอากาศของท้องถิ่นด้วยการศึกษาดาราศาสตร์ เธอจึงประกาศให้ชาวประมงและนักเดินเรือ ได้รู้ก่อนที่พวกเขาจะออกทะเล คนในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็ยอมรับในคำทำนายของเธอ นอกจากนั้นเธอยังมีความสามารถในการรักษาความเจ็บไข้ของชาวบ้านได้ด้วย รอบรู้เรื่องสมุนไพร จนกลายเป็นหมอประจำบ้านแห่งเกาะเหมยโจวตั้งแต่นั้นมา น่าเสียดายที่หลินโม่เหนียงเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็ไม่ทราบแน่นอนว่าเมื่ออายุเท่าไหร่ เพราะบางตำราว่าเสียชีวิตเมื่ออายุ ๑๘ ปี บางตำราว่าเมื่อ ๒๘ ปี
สาเหตุของการถึงแก่กรรมของหลินโม่เหนียง
มีกล่าวกันไว้หลายสาเหตุ เช่น สาเหตุ ๑. คือ การกินเจตลอดชีวิต ทำให้ขาดสารอาหาร จึงเจ็บป่วยถึงเสียชีวิต แต่สาเหตุนี้คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย.....สาเหตุที่ ๒. คือ นางหลับไม่ตื่น ในวันนั้นได้มีปกฏิหาริย์พิเศษ ชาวบ้านได้เห็นเมฆหลากสีบนท้องฟ้า ซึ่งคนจีนเรียกว่า เซี้ยงฮุ้ง เป็นเมฆมงคลลอยมาจากภูเขาใกล้ ๆ และได้ยินเสียงมโหรีแว่ว ๆ อยู่เป็นเวลานานพอสมควร.....สาเหตุที่ ๓. ก่อนการเสียชีวิตนางได้ฝันว่าบิดาและพี่ชายออกทะเลไปหาปลา แล้วประสบกับพายุใหญ่ นางได้พยายามจะออกไปช่วย ขณะที่กำลังจะช่วยได้สำเร็จ มารดาของนางได้มาปลูกให้ตื่นเสียก่อน หลังจากนั้น ๒ วัน ฝันของนางก็ได้เป็นจริง บิดาและพี่ชายของนางออกทะเล ประสบกับพายุหนักและคลื่นใหญ่ทำให้เรือล่มจมหายไป เธอเสียใจมาก ที่ไม่สามารถช่วยบิดาและพี่ชาย ซึ่งเป็นบุคคลที่รักยิ่งได้ นางได้ตรอมใจตายในที่สุด
ชาวบ้านที่มีความรักใคร่และเคยได้รับความช่วยเหลือจากนางเสมอมา ต่างก็พากันยกย่องให้เป็น "หม่าโจ้ว" แปลว่า "เจ้าแม่ผู้ศักดิ์สิทธิ์" จึงได้สร้างศาลเจ้าเพื่อกราบไหว้ ต่อมาได้มีคนท้องถิ่นอื่นสร้างศาลเจ้าให้เจ้าแม่ตาม ๆ กัน อย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา เพราะเหตุว่ามีความศรัทธาและนับถือเจ้าแม่มากขึ้น.....มีตำนานเล่าต่อ ๆ กันมาว่า ในสมัยราชวงศ์ซ่ง (พ.ศ. ๑๕๐๓ - ๑๘๒๒ ) การค้าทางทะเลกับต่างประเทศของชาวจีนแถบมณฑลฮกเกี๋ยนเจริญมาก เวลาที่เรือเกิดประสบภัย ชาวจีนนิยมสวดมนต์ถึงหม่าโจ้ว แล้วก็มักจะรอดภัยเสมอ.....ครั้งหนึ่งประมาณปี พ.ศ. ๑๖๖๕ ซ่งอุยฮ่องเต้ ได้ส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศเกาหลี ขณะเดินทางโดยเรือ ขบวนเรือของคณะทูตได้ประสบกับพายุกลางทะเล ขบวนเรือทั้งหมด ๘ ลำ ได้จมหายไป ๗ ลำ เหลือรอดเพียงลำเดียว ซึ่งเป็นลำที่ทูตลู่หยุนตี้โดยสารอยู่ ท่านทูตดีใจและตื้นตันใจมากที่รอดตายมาได้ ถึงกับรำพึงออกมาดัง ๆ ว่า "เป็นเทพเจ้าองค์ใดหนอ ที่มาช่วยชีวิตไว้" ลูกเรือคนหนึ่งเป็นชาวฮกเกี๋ยน ได้ตอบไปทันใดว่า "เป็นเจ้าแม่หม่าโจ้วมาช่วยเป็นแน่แท้" เมื่อทูตลู่หยุนตี้กลับถึงจีน ได้กราบทูลเรื่องราวการผจญภัยแล้วรอดตายอย่างอัศจรรย์ให้ฮ่องเต้งฟัง ฮ่องเต้ได้ประทับใจมากและโปรดให้อาลักษณ์เขียนป้ายคำว่า "ซุ่นจี้" แปลว่า ช่วยเหลือ สงเคราะห์ พระราชทานให้ไปติดไว้ที่หน้าศาลเจ้าแม่บนเกาะหมีจิว พร้อมพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็นท่านผู้หญิงซุ่นจี จากนั้นมาความนับถือและความศรัทธาในเจ้าแม่ทับทิม ก็เข้าสู่ราชสำนักของฮ่องเต้ ความศรัทธาในเจ้าแม่ทับทิมเพิ่มพูนขึ้นตามกาลเวลา โดยเฉพาะที่มณฑลฮกเกี๋ยนซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของท่าน ตลอดจนท้องถิ่นใกล้เคียงในแถบนั้น และแถบทุกจังหวัดและทุกอำเภอจะมีศาลเจ้าแม่ทับทิม ทั่วแผ่นดินจีนในท้องถิ่นที่อยู่ติดกับทะเลหรือแม่น้ำ จะมีศาลเจ้าแม่ทับทิมมากมาย
การบูชาเจ้าแม่ทับทิม..... บูชาด้วยผลไม้สุก ถ้าเป็นทับทิมจะดีมาก ๆ บูชาด้วยการตั้งนะโม ๓ จบ แล้วกล่าวนามของเจ้าแม่ "โอม เจ้าแม่ทับทิม" กล่าวด้วยความเคารพและด้วยความศรัทธาอย่างจริงใจ เมื่อปรารถนาจะให้ท่านเมตตาช่วยเหลือในยามทุกข์กายทุกข์ใจ ก็เล่าเรื่องความทุกข์นั้นให้ท่านฟัง จากนั้นก็เจริญความสงบจิตสักครู่ถวายท่าน ส่วนจะได้ผลมากน้อยเพียงไรนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่ที่กรรมหนักหรือกรรมเบาที่ท่านได้กระทำไว้แล้ว
ศาลเจ้าแม่ทับทิม |
ดอกไม้ในบริเวณหน้าศาลเหลืองอร่าม |
สถานที่ประทับเจ้าแม่ทับทิม |
สะพานทางสู่ศาลเจ้าแม่ทับทิม |
ท่านใดต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับเจ้าแม่ทับทิมมากกว่านี้ ก็ค้นคว้าเองเพิ่มเติบได้นะจ๊ะ......โอกาสหน้าพบกันอีกค่ะ
ขออุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์