วิญญาณผีตายโหงเป็นวิญญาณท่ี่น่าสงสารมาก เพราะว่าจิตดวงสุดท้ายก่อนจุติเกิด ได้สะสมความกลัวความตื่นเต้นขณะก่อนที่ปฏิสนธิจิตเกิด จึงมีอกุศลกรรมเป็นปัจจัยนำไปเกิดในทุคติภูมิคืออบายภูมิ วิญญาณผีตายโหงเป็นวิญญาณ หรือจิตที่ตายก่อนเวลาอันสมควร คือตายอย่างกระทันหันด้วยอุบัติเหตุ ก่อนตาย จิตยังติดข้องในกามคุณอารมณ์อยู่ หลังจากปฏิสนธิแล้ว จิตก็ยังไม่ทราบว่าตนเองได้ตายจากโลกมนุษย์ไปแล้ว ดังมีเรื่องเล่าต่อไปนี้
บ่ายวันหนึ่งในฤดูร้อนหลายปีมาแล้ว แต่ฉันก็ยังจำเหตุการณ์ได้ดีอยู่ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นและแปลกดี ฉันยังไม่เคยเจอมาก่อน วันนั้นมีเพื่อนรุ่นน้องมาหาฉัน โดยไม่ได้โทรบอกให้ทราบล่วงหน้า เขามากันสองคน ฉันขอตั้งชื่อสมมุติให้ว่า นิดกับหน่อย ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน เพราะบ้านอยู่ใกล้เคียงกัน ฉันไม่ได้เจอนิดกับหน่อยหลายเดือนแล้ว เมื่อก่อนนิดเคยมาขอสวดมนต์ฝึกสมาธิกับฉันบ่อย ระยะหลัง ๆ นี้ เขาไม่ค่อยว่างเพราะหารายได้พิเศษด้วยการสอนขับรถให้หน่อย สองคนนี้มาหาฉันเพราะว่าเขารู้สึกคิดถึงฉันมาก เขาบอกว่าไม่ทราบว่าตนเองเป็นอะไร อยากจะมาเยี่ยมอาจารย์ให้ได้ พอมาถึง ฉันก็ต้อนรับตามธรรมเนียมของเจ้าของบ้าน คือทำกาแฟให้ดื่มคนละถ้วย แล้วก็ได้สนทนาไถ่ถามทุกข์สุขกันตามมรรยาท ขณะสนทนากันไปเรื่อย ๆ ฉันรู้สึกว่าจิตสัมผัสวิญญาณแฝงมากับนิดและหน่อย ทั้งคู่มีพฤติกรรมแปลก ๆ บางครั้งคุย ๆ กันอยู่ดี ๆ ก็หัวเราะเสียงดังทั้ง ๆที่ไม่มีเหตุน่าหัวเราะ แล้วอยู่ ๆ นิดก็พูดขึ้นว่า "หนาวมากเลย รู้สึกหนาวขนลุกทั้งตัวแล้ว" อยู่ ๆ ฉันก็หนาว ทุกคนหนาวขนลุกซู่ทั้งตัวหนาวประหลาด ทั้ง ๆ ที่วันนั้นอากาศร้อนมาก พวกเราก็พากันแปลกใจแล้วก็ต่่างคนต่างก็จ้องมองที่หน้าของนิดเป็นจุดเดียว เพราะเป็นคนเริ่มหนาวก่อนใคร ทันใดนั้นเขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าไว้ คงจะเกิดความอายที่เห็นพวกเราจ้องไปที่หน้าแก่คนเดียว ฉันตกใจตะลึงไปชั่วขณะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ที่ มือทั้งสองของนิดใหญ่และซีดมาก สามารถปิดใบหน้าของเขาได้มิดสนิทไม่เห็นหน้าเลย พอพวกเราได้เห็นเช่นนั้นก็พากันตกใจกลัวตาม ๆ กันงง
โดนผีฝรั่งหลอกกลางวันแสก ๆ ก็งง ๆ เหมือนกัน พอหายงงงวยแล้ว เกิดสติระลึกได้ขณะนั้นว่าควรจะทำยังไงดี กับผีพวกนี้ ก็เลยถามเป็นภาษาเยอรมัน(แปลไทย) ว่า "คุณเป็นใคร มาจากไหน" เขาตอบอย่างสุภาพด้วยน้ำเสียงดัดนิด ๆ ให้เหมือนเสียงผู้หญิง (พวกนี่เป็นผีกะเทย) "ฉันชื่อดาเนียนและนี้แฟนฉันชื่อโยเซฟ พวกฉันไม่ทราบว่ามาจากไหน" แล้วเขาก็พูดต่ออีกว่า "ฉันคิดถึงบ้าน ฉันอยากจะกลับบ้าน ช่วยพาฉันกลับบ้านด้วยซิ" ฉันถามเขาว่า " บ้านคุณอยูที่ไหนล่ะ" "ฉันไม่รู้ว่าบ้านฉันอยูที่ไหน แต่ฉันคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้านไปหาพ่อแม่ของฉัน" เมื่อได้ฟังเขาพูดจบแล้ว ฉันรู้สึกสงสารผีสองตนนี้มากเลย เพราะพวกเขายังไม่รู้ตัวว่า ตนเองได้ตายจากความเป็นมนุษย์ไปแล้ว และตอนนี้ก็อยู่ในโลกใหม่ คือโลกวิญญาณ....เรื่องรถอุบัติเหตุชนกันบนทางด่วน คนตายคาทีสองคนนี้ ฉันก็เคยได้ยินข่าว เมื่อเร็ว ๆ นี้ จากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอผีพวกนี้
ก็ตลกดี ที่อยู่ดี ๆ ก็มีผีมาหาถึงบ้าน ถ้าไม่แปลกแต่จริงแล้วจะให้ว่ายังไงดีล่ะ.....
ย้อนกลับมาพูดถึงสาวนิด เธอไม่รู้สึกตัวหรอกว่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อครู่นี้ เมื่อเธอรู้สึกตัวเป็นปรกติพวกเราก็เล่าให้เธอฟังด้วยความตื่นเต้น ตัวเธอเองบอกว่า จำเหตุการณ์ได้ว่าตนเองรู้สึกหนาวเย็นจับใจ ขนลุกซู่ซ่าไปทั้งตัว จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องว่าตนเองได้ทำอะไรบ้าง......นิดได้เล่าว่าเหตุที่ ผีดาเนียนกับผีโยเซฟตามเขามา ก็เพราะความปากไวของสาวหน่อย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ นิดพาหน่อยไปหัดขับรถเข้าถนนสายทางด่วน ระหว่างที่กำลังขับรถ หน่อยได้เห็นดอกไม้ช่อหนึ่งวางอยู่ข้างถนน จึงบอกให้นิดหันไปดูดอกไม้ ทั้งสองคนก็ทราบดีว่า ดอกไม้สด ๆ ที่วางอยู่ข้างถนนเป็นสัญลักษณ์ของการตายเพราะอุบัติเหตุ คนไม่รู้เรื่องอะไรก็เที่ยวทักไปทั่ว ก็เจออะไรแปลก ๆ ได้ ปรากฏว่าทั้งนิดและหน่อย โดนผีตายโหงฝรั่งเล่นตลกอยู่หลายวันจนแย่ จึงได้พากันไปหาฉัน เพื่อที่จะให้ครูบาอาจารย์ช่วยสื่อห้
นิดบอกว่าหลังจากที่เขาได้เห็นดอกไม้ข้างทางวันนั้นแล้ว พอกลับมาบ้านก็รู้สึกปวดศีรษะมาก อาเจียนออกเป็นลมไม่มีเศษอาหารเลย ชอบตื่นดึกแล้วเดินเท้าเปล่าไปหาหน่อยทุกคืน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าวิญญาณสองตนนี้ แยกกันอยู่คนละบ้าน สร้างความเดือดร้อนให้สองสาวไม่น้อยทีเดียว เพราะสามีพวกเขาไม่เข้าใจพฤติกรรมของภรรยาที่เปลี่ยนไป ตอนดึกต้องมานั่งคุยกันทุกคืนไม่ยอมนอนเหมือนเมื่อก่อน.....นิดกับหน่อยได้ขอร้อง ให้ฉันช่วยสื่อกับพระแม่กวนอิม ขอให้ท่านโปรดผีสองตนด้วย เพราะเขายังไม่ทราบว่าตนได้ตายไปหลายวันแล้ว พระแม่กวนอิมท่านเมตตามาก ท่านได้ทำพิธีสวดเป็นภาษาของท่าน ก่อนที่จะสวดก็มีการเทศน์สั่งสอนวิญญาณให้เขายอมรับตามความเป็นจริงว่า ขณะนี้พวกเขาได้ตายจากโลกมนุษย์แล้ว ได้ปฏิสนธิในภพใหม่ คือโลกวิญญาณ จะกลับบ้านไม่ได้แล้ว ท่านบอกให้ไปอยู่ที่โบสถ์ฝรั่ง จะได้มีโอกาสอนุโมทนาบุญเวลามีคนเขามาสวดมนต์ในโบสถ์ ผีสองตนก็คงจะเข้าใจตามที่ท่านแม่พูด แล้วท่านก็สวดร่ายมนต์ด้วยเสียงโหยหวญมาก ได้ยินแล้วขนลุกไปทั้งตัว รู้สึกเยือกเย็นแบบประหลาด ๆ เมื่อเสร็จพิธีแล้ว สาวนิดกับสาวหน่อยก็รู้สึกตัวว่าจิตใจสบายเป็นปรกติ พวกเธอบอกว่า ก่อนหน้านี้จิตใจไม่ค่อยสบาย บางครั้งโกรธง่ายโดยไม่มีเหตุผล และไม่ชอบอยู่บ้าน ชอบออกเที่ยว นอกจากนั้นยังมีความรู้สึกแปลก ๆ คือ เกิดความพิสวาทในเพศเดียวกัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผีสองตนนี้เป็นกะเทยนั่นเอง.....หลังจากที่ได้รับการโปรดจากท่านแม่กวนอิมทั้งมนุษย์และผีแล้ว ก็คิดว่าเป็นการแฮปปี้เอ็นสำหรับเรื่องนี้จ๊ะ
เรื่องเกี่ยวกับวิญญาณ หรือจิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะเป็นนามธรรม จึงยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในกลุ่มบุคคลที่ยังไม่เคยสัมผัสด้วยตนเอง หรือผู้ที่ยังไม่ได้ฌานจิต ถ้าอยากรู้ก็ต้องฝึกจิตให้มีพลังจนสามารถสื่อกันได้กับโลกวิญญาณ แล้วก็จะรู้เอง เรื่องนี้ก็เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้พวกเราท่านทั้งหลาย ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างประมาท ดังปัจฉิมโอวาทของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า "อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ" ท่านทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด" จะพูด จะกระทำอะไร ไม่มีสติคุ้มครองกายใจ ต้องเจอภัยแน่ ๆ ก็เป็นอันว่าจบเพียงแค่นี้จ๊ะ.....แล้วพบกันอีกในบทความใหม่นะคะ
...........................
บ่ายวันหนึ่งในฤดูร้อนหลายปีมาแล้ว แต่ฉันก็ยังจำเหตุการณ์ได้ดีอยู่ เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ตื่นเต้นและแปลกดี ฉันยังไม่เคยเจอมาก่อน วันนั้นมีเพื่อนรุ่นน้องมาหาฉัน โดยไม่ได้โทรบอกให้ทราบล่วงหน้า เขามากันสองคน ฉันขอตั้งชื่อสมมุติให้ว่า นิดกับหน่อย ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกัน เพราะบ้านอยู่ใกล้เคียงกัน ฉันไม่ได้เจอนิดกับหน่อยหลายเดือนแล้ว เมื่อก่อนนิดเคยมาขอสวดมนต์ฝึกสมาธิกับฉันบ่อย ระยะหลัง ๆ นี้ เขาไม่ค่อยว่างเพราะหารายได้พิเศษด้วยการสอนขับรถให้หน่อย สองคนนี้มาหาฉันเพราะว่าเขารู้สึกคิดถึงฉันมาก เขาบอกว่าไม่ทราบว่าตนเองเป็นอะไร อยากจะมาเยี่ยมอาจารย์ให้ได้ พอมาถึง ฉันก็ต้อนรับตามธรรมเนียมของเจ้าของบ้าน คือทำกาแฟให้ดื่มคนละถ้วย แล้วก็ได้สนทนาไถ่ถามทุกข์สุขกันตามมรรยาท ขณะสนทนากันไปเรื่อย ๆ ฉันรู้สึกว่าจิตสัมผัสวิญญาณแฝงมากับนิดและหน่อย ทั้งคู่มีพฤติกรรมแปลก ๆ บางครั้งคุย ๆ กันอยู่ดี ๆ ก็หัวเราะเสียงดังทั้ง ๆที่ไม่มีเหตุน่าหัวเราะ แล้วอยู่ ๆ นิดก็พูดขึ้นว่า "หนาวมากเลย รู้สึกหนาวขนลุกทั้งตัวแล้ว" อยู่ ๆ ฉันก็หนาว ทุกคนหนาวขนลุกซู่ทั้งตัวหนาวประหลาด ทั้ง ๆ ที่วันนั้นอากาศร้อนมาก พวกเราก็พากันแปลกใจแล้วก็ต่่างคนต่างก็จ้องมองที่หน้าของนิดเป็นจุดเดียว เพราะเป็นคนเริ่มหนาวก่อนใคร ทันใดนั้นเขาก็ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดหน้าไว้ คงจะเกิดความอายที่เห็นพวกเราจ้องไปที่หน้าแก่คนเดียว ฉันตกใจตะลึงไปชั่วขณะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ที่ มือทั้งสองของนิดใหญ่และซีดมาก สามารถปิดใบหน้าของเขาได้มิดสนิทไม่เห็นหน้าเลย พอพวกเราได้เห็นเช่นนั้นก็พากันตกใจกลัวตาม ๆ กันงง
โดนผีฝรั่งหลอกกลางวันแสก ๆ ก็งง ๆ เหมือนกัน พอหายงงงวยแล้ว เกิดสติระลึกได้ขณะนั้นว่าควรจะทำยังไงดี กับผีพวกนี้ ก็เลยถามเป็นภาษาเยอรมัน(แปลไทย) ว่า "คุณเป็นใคร มาจากไหน" เขาตอบอย่างสุภาพด้วยน้ำเสียงดัดนิด ๆ ให้เหมือนเสียงผู้หญิง (พวกนี่เป็นผีกะเทย) "ฉันชื่อดาเนียนและนี้แฟนฉันชื่อโยเซฟ พวกฉันไม่ทราบว่ามาจากไหน" แล้วเขาก็พูดต่ออีกว่า "ฉันคิดถึงบ้าน ฉันอยากจะกลับบ้าน ช่วยพาฉันกลับบ้านด้วยซิ" ฉันถามเขาว่า " บ้านคุณอยูที่ไหนล่ะ" "ฉันไม่รู้ว่าบ้านฉันอยูที่ไหน แต่ฉันคิดถึงบ้าน อยากกลับบ้านไปหาพ่อแม่ของฉัน" เมื่อได้ฟังเขาพูดจบแล้ว ฉันรู้สึกสงสารผีสองตนนี้มากเลย เพราะพวกเขายังไม่รู้ตัวว่า ตนเองได้ตายจากความเป็นมนุษย์ไปแล้ว และตอนนี้ก็อยู่ในโลกใหม่ คือโลกวิญญาณ....เรื่องรถอุบัติเหตุชนกันบนทางด่วน คนตายคาทีสองคนนี้ ฉันก็เคยได้ยินข่าว เมื่อเร็ว ๆ นี้ จากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอผีพวกนี้
ก็ตลกดี ที่อยู่ดี ๆ ก็มีผีมาหาถึงบ้าน ถ้าไม่แปลกแต่จริงแล้วจะให้ว่ายังไงดีล่ะ.....
ย้อนกลับมาพูดถึงสาวนิด เธอไม่รู้สึกตัวหรอกว่า เกิดอะไรขึ้นกับเธอเมื่อครู่นี้ เมื่อเธอรู้สึกตัวเป็นปรกติพวกเราก็เล่าให้เธอฟังด้วยความตื่นเต้น ตัวเธอเองบอกว่า จำเหตุการณ์ได้ว่าตนเองรู้สึกหนาวเย็นจับใจ ขนลุกซู่ซ่าไปทั้งตัว จากนั้นก็ไม่รู้เรื่องว่าตนเองได้ทำอะไรบ้าง......นิดได้เล่าว่าเหตุที่ ผีดาเนียนกับผีโยเซฟตามเขามา ก็เพราะความปากไวของสาวหน่อย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ นิดพาหน่อยไปหัดขับรถเข้าถนนสายทางด่วน ระหว่างที่กำลังขับรถ หน่อยได้เห็นดอกไม้ช่อหนึ่งวางอยู่ข้างถนน จึงบอกให้นิดหันไปดูดอกไม้ ทั้งสองคนก็ทราบดีว่า ดอกไม้สด ๆ ที่วางอยู่ข้างถนนเป็นสัญลักษณ์ของการตายเพราะอุบัติเหตุ คนไม่รู้เรื่องอะไรก็เที่ยวทักไปทั่ว ก็เจออะไรแปลก ๆ ได้ ปรากฏว่าทั้งนิดและหน่อย โดนผีตายโหงฝรั่งเล่นตลกอยู่หลายวันจนแย่ จึงได้พากันไปหาฉัน เพื่อที่จะให้ครูบาอาจารย์ช่วยสื่อห้
นิดบอกว่าหลังจากที่เขาได้เห็นดอกไม้ข้างทางวันนั้นแล้ว พอกลับมาบ้านก็รู้สึกปวดศีรษะมาก อาเจียนออกเป็นลมไม่มีเศษอาหารเลย ชอบตื่นดึกแล้วเดินเท้าเปล่าไปหาหน่อยทุกคืน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าวิญญาณสองตนนี้ แยกกันอยู่คนละบ้าน สร้างความเดือดร้อนให้สองสาวไม่น้อยทีเดียว เพราะสามีพวกเขาไม่เข้าใจพฤติกรรมของภรรยาที่เปลี่ยนไป ตอนดึกต้องมานั่งคุยกันทุกคืนไม่ยอมนอนเหมือนเมื่อก่อน.....นิดกับหน่อยได้ขอร้อง ให้ฉันช่วยสื่อกับพระแม่กวนอิม ขอให้ท่านโปรดผีสองตนด้วย เพราะเขายังไม่ทราบว่าตนได้ตายไปหลายวันแล้ว พระแม่กวนอิมท่านเมตตามาก ท่านได้ทำพิธีสวดเป็นภาษาของท่าน ก่อนที่จะสวดก็มีการเทศน์สั่งสอนวิญญาณให้เขายอมรับตามความเป็นจริงว่า ขณะนี้พวกเขาได้ตายจากโลกมนุษย์แล้ว ได้ปฏิสนธิในภพใหม่ คือโลกวิญญาณ จะกลับบ้านไม่ได้แล้ว ท่านบอกให้ไปอยู่ที่โบสถ์ฝรั่ง จะได้มีโอกาสอนุโมทนาบุญเวลามีคนเขามาสวดมนต์ในโบสถ์ ผีสองตนก็คงจะเข้าใจตามที่ท่านแม่พูด แล้วท่านก็สวดร่ายมนต์ด้วยเสียงโหยหวญมาก ได้ยินแล้วขนลุกไปทั้งตัว รู้สึกเยือกเย็นแบบประหลาด ๆ เมื่อเสร็จพิธีแล้ว สาวนิดกับสาวหน่อยก็รู้สึกตัวว่าจิตใจสบายเป็นปรกติ พวกเธอบอกว่า ก่อนหน้านี้จิตใจไม่ค่อยสบาย บางครั้งโกรธง่ายโดยไม่มีเหตุผล และไม่ชอบอยู่บ้าน ชอบออกเที่ยว นอกจากนั้นยังมีความรู้สึกแปลก ๆ คือ เกิดความพิสวาทในเพศเดียวกัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะผีสองตนนี้เป็นกะเทยนั่นเอง.....หลังจากที่ได้รับการโปรดจากท่านแม่กวนอิมทั้งมนุษย์และผีแล้ว ก็คิดว่าเป็นการแฮปปี้เอ็นสำหรับเรื่องนี้จ๊ะ
เรื่องเกี่ยวกับวิญญาณ หรือจิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเพราะเป็นนามธรรม จึงยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในกลุ่มบุคคลที่ยังไม่เคยสัมผัสด้วยตนเอง หรือผู้ที่ยังไม่ได้ฌานจิต ถ้าอยากรู้ก็ต้องฝึกจิตให้มีพลังจนสามารถสื่อกันได้กับโลกวิญญาณ แล้วก็จะรู้เอง เรื่องนี้ก็เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้พวกเราท่านทั้งหลาย ไม่ควรใช้ชีวิตอย่างประมาท ดังปัจฉิมโอวาทของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า "อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถะ" ท่านทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด" จะพูด จะกระทำอะไร ไม่มีสติคุ้มครองกายใจ ต้องเจอภัยแน่ ๆ ก็เป็นอันว่าจบเพียงแค่นี้จ๊ะ.....แล้วพบกันอีกในบทความใหม่นะคะ
...........................