สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน......หวังว่าทุกท่านก็คงได้ลอยกระทงขอขมาพระแม่คงคากันในวันลอยกระทง ที่ผ่านมาเมื่อเร็ว ๆ นี้เหมือนกันนะคะ....ที่เมืองไทยก็คงจะลอยกันไปอีกแบบ เพราะยังอยู่ในสภาวะอุทกภัยพิบัติอยู่ ฉันก็ขอเอาใจช่วย ขอให้รัฐบาลใหม่แก้ไขปัญหามหาภัยพิบัตินี้ ผ่านไปได้ด้วยดีในเร็ว ๆ นี้เถิด พี่น้องชาวไทยจะได้มีความเป็นอยู่ เข้าสภาพปกติสุขกันซะที เพราะลำบากกันมานานแล้ว....เรื่องของธรรมชาติหรือเรื่องของธรรมะก็ไม่มีใครสามารถที่จะทำอะไรได้ ทุกอย่างเกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป แต่เราก็ต้องพยายามหาวิธีดับที่เหตุ (สมุทัย) แล้วปัญหาก็จะคลี่คลายลงได้ จนในที่สุดก็จะดับสิ้นได้....นี่ฉันก็ว่ากันไปตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิธีการแก้ปัญหาก็แล้วแต่ ๆ ละบุคคลจะมีกำลังปัญญามากน้อยแค่ไหน
เรามาพูดถึงเรื่องลอยกระทงกันดีกว่านะ เออ...เพิ่งนึกได้ว่าลืมอะไรหนอ ในวันลอยกระทงฉันลืมสนิทเลยนะ ทุก ๆ ปีเราจะมีการเปิดเพลงลอยกระทงด้วยล่ะ แต่ปีนี้นึกไม่ออกเลย.....ตอนดึก ๆ ก็จะมีเทวดามาร้องเพลงกันน่าฟังมากเลย วันหลังจะเอาเพลงของเทวดามาเข้าเว็บให้ท่านผู้อ่านฟังกัน เพื่อเป็นบุญแก่โสต ตอนนี้ยังไม่รู้วิธีการเอาเสียงเข้าเว็บ ต้องรอศึกษาก่อนจ๊ะ การศึกษาของฉันก็คือใช้วิธีงมโข่งเอา งมไปงมมาเดี๋ยวก็เจอดีเองแหละ อดใจรอก่อนนะจ๊ะ อย่าเพิ่งหนีกันนะ คอยติดตามกันต่อไป แล้วจะได้ฟังเสียงเทวดา
.....วันลอยกระทงที่ฉันจะนำมาเล่าสู่ฟังนี่ ก็ไม่มีอะไรใหญ่โตหรอก เราลอยกันในครอบครัวเป็นประจำทุกปี กระทงก็ทำกันเอง เป็นกระทงที่มาตรฐานมาก คือไม่มีการทำใหม่ทุกปี ทำตั้งแต่ปี ค.ศ. ๒๐๐๖ ก็ใช้ลอยกันทุกปี จนถึงปีนี้ก็ยังดูดีอยู่นะ ในรูปถ่ายมองไม่เห็นน้ำเลย เพราะว่าเราไม่ได้เปิดไฟในสวน ต้องการให้เป็นบรรยากาศธรรมชาติจริง ๆ เราลอยกระทงในสระปลาเล็ก ๆ (ปลาคงตื่นเต้นตาม ๆ กัน) กระทงเต็มสระพอดี....ก่อนลอยกระทงก็มีพิธีนิดหน่อย ให้ทุกคนจุดธูปขอขมาพระแม่คงคาที่ได้ทำน้ำสกปรกและขอบคุณท่านที่เราได้มีน้ำบิโภคกันมาตั้งแต่เกิดจนถึงทุกวันนี้ จากนั้นเริ่มก็จะเชิญกระทงประธานใหญ่ลงก่อน กระทงใหญ่นี้เป็นกระทงของครูบาอาจารย์ เพราะสถานที่บ้านนี้ เป็นสถานที่ตั้งของสมาคมไทย - กวนอิม,สวิตเซอร์แลนด์ด้วย ดังนั้นเวลาเราจะทำอะไร ก็จะต้องให้เกียรติแก่ครูบาอาจารย์ด้วย
วันนี้ตั้งใจจะถ่ายรูปกระทงไว้ดูบ้าง อยากดูว่าเมื่อลอยอยู่ในน้ำจะสวยสักแค่ไหน จึงได้ให้ลูกชายลองปรับกล้องให้ เขาก็ได้ลองกล้องถ่ายภาพในที่มืด ๆ ดู ส่วนภาพกระทงนั้นฝีมือฉันเองนะ คิดว่าสวยพอสมควร.....ท่านผู้อ่านอาจจะว่าไม่สวยก็ได้ เราไม่ว่ากันจ๊ะ เพราะจิตคือธรรมชาติที่วิจิตร จึงเห็นเป็นอย่างอื่น แล้วแต่ความวิจิตรของจิตของแต่ละคน.....เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้ว ฉันก็ยังไม่ได้ดูรูปว่าสวยมากน้อยแค่ไหน เก็บไว้ตั้งสองวัน เมื่อวานนี้้เป็นวันเสาร์ นึกได้ว่ายังไม่ได้เอารูปเข้าคอมพิวเตอร์ พอเอาเข้าคอมฯ ก็เกิดอาการขนลุกซู่ซ่าไปทั้งตัวขณะที่เห็นภาพ คือในภาพนั้น ที่หน้าศาลาไม้ซึ่งเป็นที่ประทับพระพุทธรูป (หลวงพ่อใหญ่ปัญญาสิริ) มีดวงไฟหลากหลายเต็มไปหมด มีทั้งที่มีรัศมีเป็นฉายแสงจ้าและไม่จ้า บางดวงมีวงแหวนซ้อนกันสามวงมีสีสรรสวยงามน่าชมมาก ความงามของแต่ละดวงก็แล้วแต่กำลังบารมี ถ้าขยายภาพใหญ่ ก็จะเห็นความวิจิตรของดวงไฟแต่ละดวงว่ามีความวิจิตรแตกต่างกัน
ท่านผู้อ่านลองใช้เมาส์ ชี้ที่ดวงไฟนั้นแล้วเลื่อนปุ่มของเมาส์ลงไปข้างหน้าช้า ๆ ภาพจะขยายใหญ่ขึ้น ก็จะได้ชมความงามของดวงไฟแต่ละดวง.....ท่านที่สามารถสื่อกับวิญญาณ ได้ก็จะทราบได้ว่าดวงไฟในภาพนี้คืออะไรกันแน่....แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ใช่ว่าจะปลูกฝัง ให้ท่านผู้อ่านเชื่อแบบงมง่ายไร้เหตุผล เรื่องเช่นนี้เป็นปัจจัตตัง แล้วแต่ท่านจะพิจารณาไตร่ตรองกันเอง อยากจะรู้ว่าเทวดาหรือวิญญาณมีจริงหรือไม่ ก็ต้องฝึกจิตให้มีพลังในระดับเดียวกับเทวดาหรือวิญญาณ จึงจะสามารถสื่อติดต่อกันได้ และเมื่อนั้นท่านก็จะหายสงสัยในเรื่องโลกวิญญาณ....ทุกท่านมีจิตที่มีพลังอยู่แล้วโดยธรรมชาติ แต่ถูกใช้ไปทุกขณะโดยไม่ได้เติมให้มีพลังอยู่สม่ำเสมอ และพลังส่วนมากจะเป็นพลังลบ จึงไม่สามารถที่จะใช้สื่อติดต่อกับโลกทิพย์หรือโลกวิญญาณได้ มีวิธีเดียวต้องสะสมความสงบเสียก่อน คือสงบจากอกุศลทั้งปวง ด้วยการเจริญสมาธิอยู่เนือง ๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อจิตมีพลังเต็มที่แล้ว ผลพลอยได้พิเศษสุดก็คือ ท่านสามารถที่จะอบรมเจริญปัญญา ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน เพื่อให้เกิดปัญญาสามารถประหารกิเลสได้ด้วย....อย่างอื่นไม่สามารถประหารกิเลสได้เลย นอกจาก "ปัญญา" เท่านั้นที่จะจัดการกับกิเลสให้ลดลงตามขั้นของปัญญาได้ จนถึงขั้นเป็นสมุจเฉทประหาร ซึ่งเป็นการประพฤติปฏิบัติธรรมตามแนวทางแห่งมรรคมีองค์ ๘ ต้องอบรมเจริญตั้งแต่เริ่มสะสมปัญญาในขั้นต้นตามลำดับ ด้วยการฟังและศึกษาพิจารณาพระธรรมสะสมความเข้าใจ (ปัญญา) เพื่อเป็นปัจจัยปรุงแต่งจิตให้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้นที่ละเล็กทีละน้อย จนกว่าจะถึงขั้นบรรลุเป็นอริยบุคคล สามารถละกิเลสได้ตามละดับของปัญญา และท่านก็จะเห็นคุณค่าของการอบรมเจริญสมาธิเป็นขั้นพื้นฐาน เพื่อที่จะได้เจริญปัญญา.....ดังนั้นจึงใคร่ขอเชิญชวนทุกท่าน ที่ยังไม่เคยอบรมเจริญสมาธิ ให้เริ่มฝึกตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ก็จะดีสำหรับจิตที่ยังฟุ้งซ่านอยู่ ให้มีพลังบวก ถ้าท่านสนใจที่จะฝึก ก็เชิญอ่านได้ที่ "บล็อกพลังจิต" ได้ค่ะ ......สำหรับบทความเรื่องลอยกระทงก็ขอยุติเพียงแค่นี้........ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ติดตามอ่านบทความมาโดยตลอด.....แล้วพบกันอีกในบทความใหม่จ๊ะ