วันนี้ก็มีเรื่องแปลกแต่จริง จะเล่าสู่กันฟังอีก.....คราวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เดรัจฉาน ที่น่าสงสารตัวหนึ่ง ที่นำมาเล่าก็เพราะว่ามันไม่ธรรมดา ถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่เขาก็มีคุณธรรมในจิตใจเหมือนกัน .......สัตว์เดรัจฉานก็มีขันธ์ ๕ เหมือนกับมนุษย์และเทวดา ดังนั้นสัตวบางตัวบางชนิด จึงมีจิตใจที่เป็นกุศลและอกุศลได้เหมือนกัน แล้วแต่การสะสมของจิตสืบต่อกันในแต่ละภพแต่ละชาติ.....สัตว์ที่ฉันจะพูดถึงนี้ เป็นสัตว์สองเท้าคือ "นก" ซึ่งมีสามีและลูกด้วย ๑ ตัว เป็นครอบครัวนก ที่อาศัยอยู่่ในบริเวณสวนของเรา ครอบครัวนกและนกอื่น ๆ หลายชนิด ชอบมาลงเล่นน้ำในสระเล็ก ๆ ซึ่งทำไว้เฉพาะให้นกลงมากินและเล่นน้ำกัน พวกแมวก็มักจะถือโอกาสมากินน้ำที่นี่เสมอ เพราะว่าจะได้ตะโป๊บนก กินเป็นอาหารแก้เซ็งบ้าง ส่วนมากพวกนกก็จะระวังชีวิตเป็นอย่างดี เจ้าแมวตัวร้ายก็หาที่ซุ่มดักจับนก แต่ก็ยากที่จะโชคดีได้ลิ้มรสโอชาดังปรารถนา ได้แต่แลบลิ้นเลียปากจนลิ้นแห้งทุกทีไป
![]() |
ปู่ฤาษีตาทิพย์ |
ฉันไม่ได้อยู่เฝ้าดูอาการของเธอหรอกนะ เพราะปรกติตอนบ่าย ๆ ฉันจะต้องนอนหลับพักผ่อนสักหน่อย แต่ก็มีคนในครอบครัว ช่วยผลัดเปลี่ยนกันดูแลอาการของนก เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีคนเฝ้าดูแล เผลอ ๆ เจ้าแมวเกเรจะย่องมาคาบเอานกไปจัดการซะก่อน ในที่สุดแม่นกก็ฟื้นคืนชีพดังที่ปู่ฤาษีบอกไว้ ปู่รักษาเก่งจังเลย ดูท่าทางเหมือนจะไม่รอดแต่ก็รอดอ่างอัศจรรย์ ตอนที่นกฟื้นล้ว แต่ฉันก็ยังไม่หลับอยู่ น้องสาวเล่าว่า พอนกฟื้นแล้ว เธอก็ยืนอยู่ในกล่อง มองซ้ายมองขวาคงจะมองหาฉัน ขณะที่สลบอยู่นั้น ก็มีนกน้อย ๆ ลูกของนกและสามีเธอ พากันมาร้องเรียกอยู่ตลอดเวลา น่าสงสารมาก พ่อนกกับลูกนกก็กระโดโลดเต้นร้องเรียกแม่นกอยู่บนกิ่งไม้ที่ต้นไม้หน้าบ้าน กระโดดไปกระโดดมาจนกระทั่งแม่นกฟื้น......
หลังจากที่แม่นกฟื้นแล้ว สักครู่ก็มีแรง เขาจึงกระโดดออกจากกล่อง พ่อและลูกนกก็ส่งเสียงเรียกกันใหญ่ด้วยความดีใจ ส่วนแม่นกแทนที่จะรีบบินไปหาสามีและลูก เธอกลับรอพบฉันก่อน เธอวนเวียนมายืนมอง ๆ อยู่ที่หน้าประตู น้องสาวและลูกชายของฉันบอกว่า แม่นกมารอที่หน้าประตูตั้งนานแล้ว เธอก็เดินวนไปเวียนมาดูอยูที่น้าประตู จนกระทั่งฉันตื่นนอน ตั้งใจจะไปดูว่านกฟื้นหรือยัง ก็ปรากฏว่าแม่นกมายืนรอฉันอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว แปลกใจมาก ๆ ที่นกตัวนี้ไม่ยอมหนีไปก่อน ฉันก็เลยบอกกับเธอว่า "ฉันรู้แล้วว่าเธอหายบาดเจ็บแล้ว เธอรอพบฉัน เพื่อที่จะบอกขอบคุณ ใช่มั้ย" แม่นกมองหน้าฉัน แล้วทำคอเอียง ฉันจึงพูดต่ออีกว่า "ไปได้แล้ว ไปหาสามีและลูกที่รักของเธอได้แล้ว เขากำลังรอเธออยู่" พอฉันพูดจบ แม่นกก็บินไปทันที ไปหาสามีและลูกที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ รออยู่ด้วยความร่าเริง ส่งเสียงร้องเรียกด้วยความห่วงใย...... แล้วนกครอบครัวนี้ก็พากันบินไปบินมา อยู่ในสวนสักครู่หนึ่ง จากนั้นก็พากันบินจากไป นับตั้งวันั้นจนถึงวันนี้ก็ไม่เห็นกันอีกเลย ถึงแม้เห็นอีกก็คงจำไม่ได้ เพราะว่าพวกนกมีหน้าตาเหมือน ๆ กัน
สัตว์ก็หนีไม่พ้นกฏแห่งกรรมเหมือนกับมนุษย์ ชีวิตเขาก็อันตรายรอบด้านเหมือนกัน วิบากกรรมหรือผลของกรรมก็เป็นอนัตตา เราไม่ต้องระวังอะไรเลย เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมแล้วที่จะเกิด ก็ต้องเกิดตามเหตุตามปัจจัยอย่างเลี่ยงไม่ได้เลย เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริงเหมือนกัน และเป็นอุทาหรณ์เตือนให้ทุกท่านระลึกถึงเรื่องกรรมและผลของกรรม แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็หนีไม่พ้นกฏแห่งกรรม เราทุกคนทุกชีวิตเกิดมาเพราะผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วแต่ปางก่อน เรามาเพื่อเสวยวิบากกรรมและกระทำกรรมใหม่ด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่ควรที่จะเบียดเบียนกัน ควรเป็นมิตรไมตรีกับทุกคน เกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่หวังผลตอบแทน.....คุณธรรมที่ควรอบรมเจริญให้มียิ่ง ๆ ขึ้นอีกประการหนึ่งก็คือ การรู้จักบุญคุณต่อผู้มีพระคุณ หรือความกตัญญูกตเวที.......แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไปนะจ๊ะ