วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ปู่ฤาษีโปรดแม่นก

สวัสดีค่ะ  ท่านผู้อ่านทุกท่าน...เป็นยังไงบ้างคะ  คงสบายดีกันนะคะ  ท่านที่อยู่เมืองไทยก็คงจะยังไม่ค่อยโล่งใจเท่าไรนัก เพราะปัญหาภัยพิบัติยังไม่คลี่คลายเลย.....อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดตามเหตุตามปัจจัยปรุงแต่ง  สรรพสิ่งทั้งหลายเป็นอนัตตา  ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ไม่อยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ใด  สรรพสิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นแล้ว  จะไม่ดับย่อมไม่มี  สรรพสิ่งทั้งหลายเป็นไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา  มาอ่านเรื่องสนุก ๆ  กันดีกว่านะจ๊ะ

วันนี้ก็มีเรื่องแปลกแต่จริง จะเล่าสู่กันฟังอีก.....คราวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เดรัจฉาน ที่น่าสงสารตัวหนึ่ง  ที่นำมาเล่าก็เพราะว่ามันไม่ธรรมดา  ถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์เดรัจฉาน  แต่เขาก็มีคุณธรรมในจิตใจเหมือนกัน  .......สัตว์เดรัจฉานก็มีขันธ์ ๕ เหมือนกับมนุษย์และเทวดา  ดังนั้นสัตวบางตัวบางชนิด จึงมีจิตใจที่เป็นกุศลและอกุศลได้เหมือนกัน  แล้วแต่การสะสมของจิตสืบต่อกันในแต่ละภพแต่ละชาติ.....สัตว์ที่ฉันจะพูดถึงนี้  เป็นสัตว์สองเท้าคือ "นก"  ซึ่งมีสามีและลูกด้วย ๑ ตัว  เป็นครอบครัวนก ที่อาศัยอยู่่ในบริเวณสวนของเรา  ครอบครัวนกและนกอื่น ๆ หลายชนิด  ชอบมาลงเล่นน้ำในสระเล็ก ๆ  ซึ่งทำไว้เฉพาะให้นกลงมากินและเล่นน้ำกัน  พวกแมวก็มักจะถือโอกาสมากินน้ำที่นี่เสมอ เพราะว่าจะได้ตะโป๊บนก กินเป็นอาหารแก้เซ็งบ้าง  ส่วนมากพวกนกก็จะระวังชีวิตเป็นอย่างดี  เจ้าแมวตัวร้ายก็หาที่ซุ่มดักจับนก  แต่ก็ยากที่จะโชคดีได้ลิ้มรสโอชาดังปรารถนา  ได้แต่แลบลิ้นเลียปากจนลิ้นแห้งทุกทีไป

ปู่ฤาษีตาทิพย์
แต่แล้วแม่นกตัวนี้ ก็หนีไม่พ้นกฏแห่งกรรมอยู่ดี  ถึงแม้จะระวังภัยบนดินเป็นอย่างดี  ทุกครั้งที่ลงไปหาเหยื่อบนดินก็รอดชีวิตไปได้ บางครั้งก็หวุดหวิด  คงจะเป็นเพราะว่าเหตุปัจจัยที่จะส่งผลของอกุศลกรรม ยังไม่พร้อมที่จะส่งผล  จึงรอดชีวิตมาได้......แต่วันนี้แม่นกเคราะห์ร้าย ได้บินไปชนหน้าต่างกระจกบ้านของเรา  คงจะมองไม่เห็นกระจก  เพราะวันนั้นอากาศร้อนแดดจ้าจึงทำให้หน้ามืด  บินกระทบกระจกเข้าอย่างแรง  เสียงดัง "ปั้ง" ฉันรีบวิ่งออกไปดู ที่หน้าต่างข้างนอกบ้าน  ทันใดนั้นก็ได้พบร่างของแม่นกนอนสลบคาที อยู่กับพื้นหญ้าตรงหน้าต่างนั่นเอง  ฉันค่อย ๆ เอามือทั้งสองช้อนเอาตัวแม่นกขึ้นมาจากพื้น  แล้วพิจารณาดูว่ามีบาดเจ็บตรงไหนบ้าง เผื่อว่าจะได้ช่วยพยาบาลรักษาให้เธอ  ได้พบว่ามีบาดเจ็บที่หัว มีเลือดออกนิดหน่อย  ฉันคิดว่าเธอคงไม่รอดแน่เลย  แต่ก็จะลองช่วยดูเพราะตั้งใจจะช่วยก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด  ฉันจึงได้กำหนดจิตเชิญปู่ฤาษีให้มาช่วยรักษานก  "ขอเชิญปู่ฤาษีท่านใดก็ได้  ช่วยเมตตาโปรดนกบาดเจ็บดัวนี้ด้วยเถิด"  พอกำหนดจิตเสร็จ  ปู่ฤาษีมาทันทีเลย ท่านน่ารักเช่นนี้เสมอแหละ  เวลาลูกหลานขอให้ท่านโปรดท่านก็เมตตาไม่มีขอบเขตเลย  โดยเฉพาะเรื่องรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ถ้าอาการหนักมาก ๆ ถึงขั้นผ่าตัด ท่านก็จะบอกว่าต้องผ่าตัด ต้องไปหาหมอ แต่ไม่ใช่หน้าที่ของท่าน...ท่านก็มาตามคำเชิญ  ท่านได้ตรวจอาการของแม่นกตัวนี้ดูก่อน  จากนั้นท่านก็สวดพระคาถาปัดเป่าอาการเจ็บปวด และรักษาบาดแผลที่หัวให้  เป่าลงบาดแผลสามครั้ง  ท่านบอกว่านกตัวนี้รอดตาย  ตอนนี้เขายังสลบอยู่ ท่านสั่งให้หากล่องกระดาษ มาให้เขานอนในนั้นก่อน  เดี๋ยวเขาก็จะฟื้น ฉันก็ได้เตรียมกล่องกระดาษพร้อมกับเอากระดาษหนังสือพิมพ์  มารองสำหรับให้นกนอนพักฟื้น 

ฉันไม่ได้อยู่เฝ้าดูอาการของเธอหรอกนะ  เพราะปรกติตอนบ่าย ๆ  ฉันจะต้องนอนหลับพักผ่อนสักหน่อย  แต่ก็มีคนในครอบครัว  ช่วยผลัดเปลี่ยนกันดูแลอาการของนก  เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีคนเฝ้าดูแล  เผลอ ๆ เจ้าแมวเกเรจะย่องมาคาบเอานกไปจัดการซะก่อน  ในที่สุดแม่นกก็ฟื้นคืนชีพดังที่ปู่ฤาษีบอกไว้  ปู่รักษาเก่งจังเลย  ดูท่าทางเหมือนจะไม่รอดแต่ก็รอดอ่างอัศจรรย์  ตอนที่นกฟื้นล้ว  แต่ฉันก็ยังไม่หลับอยู่  น้องสาวเล่าว่า พอนกฟื้นแล้ว เธอก็ยืนอยู่ในกล่อง  มองซ้ายมองขวาคงจะมองหาฉัน  ขณะที่สลบอยู่นั้น ก็มีนกน้อย ๆ ลูกของนกและสามีเธอ พากันมาร้องเรียกอยู่ตลอดเวลา  น่าสงสารมาก  พ่อนกกับลูกนกก็กระโดโลดเต้นร้องเรียกแม่นกอยู่บนกิ่งไม้ที่ต้นไม้หน้าบ้าน  กระโดดไปกระโดดมาจนกระทั่งแม่นกฟื้น......

หลังจากที่แม่นกฟื้นแล้ว  สักครู่ก็มีแรง  เขาจึงกระโดดออกจากกล่อง  พ่อและลูกนกก็ส่งเสียงเรียกกันใหญ่ด้วยความดีใจ  ส่วนแม่นกแทนที่จะรีบบินไปหาสามีและลูก  เธอกลับรอพบฉันก่อน  เธอวนเวียนมายืนมอง ๆ อยู่ที่หน้าประตู  น้องสาวและลูกชายของฉันบอกว่า  แม่นกมารอที่หน้าประตูตั้งนานแล้ว  เธอก็เดินวนไปเวียนมาดูอยูที่น้าประตู  จนกระทั่งฉันตื่นนอน  ตั้งใจจะไปดูว่านกฟื้นหรือยัง  ก็ปรากฏว่าแม่นกมายืนรอฉันอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว  แปลกใจมาก ๆ  ที่นกตัวนี้ไม่ยอมหนีไปก่อน  ฉันก็เลยบอกกับเธอว่า "ฉันรู้แล้วว่าเธอหายบาดเจ็บแล้ว เธอรอพบฉัน เพื่อที่จะบอกขอบคุณ ใช่มั้ย"  แม่นกมองหน้าฉัน แล้วทำคอเอียง ฉันจึงพูดต่ออีกว่า "ไปได้แล้ว ไปหาสามีและลูกที่รักของเธอได้แล้ว  เขากำลังรอเธออยู่"  พอฉันพูดจบ  แม่นกก็บินไปทันที ไปหาสามีและลูกที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ รออยู่ด้วยความร่าเริง ส่งเสียงร้องเรียกด้วยความห่วงใย...... แล้วนกครอบครัวนี้ก็พากันบินไปบินมา อยู่ในสวนสักครู่หนึ่ง  จากนั้นก็พากันบินจากไป  นับตั้งวันั้นจนถึงวันนี้ก็ไม่เห็นกันอีกเลย  ถึงแม้เห็นอีกก็คงจำไม่ได้ เพราะว่าพวกนกมีหน้าตาเหมือน ๆ กัน 

สัตว์ก็หนีไม่พ้นกฏแห่งกรรมเหมือนกับมนุษย์  ชีวิตเขาก็อันตรายรอบด้านเหมือนกัน   วิบากกรรมหรือผลของกรรมก็เป็นอนัตตา  เราไม่ต้องระวังอะไรเลย  เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมแล้วที่จะเกิด ก็ต้องเกิดตามเหตุตามปัจจัยอย่างเลี่ยงไม่ได้เลย  เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่แปลกแต่จริงเหมือนกัน  และเป็นอุทาหรณ์เตือนให้ทุกท่านระลึกถึงเรื่องกรรมและผลของกรรม  แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็หนีไม่พ้นกฏแห่งกรรม  เราทุกคนทุกชีวิตเกิดมาเพราะผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วแต่ปางก่อน  เรามาเพื่อเสวยวิบากกรรมและกระทำกรรมใหม่ด้วยกันทั้งนั้น จึงไม่ควรที่จะเบียดเบียนกัน  ควรเป็นมิตรไมตรีกับทุกคน เกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยไม่หวังผลตอบแทน.....คุณธรรมที่ควรอบรมเจริญให้มียิ่ง ๆ ขึ้นอีกประการหนึ่งก็คือ การรู้จักบุญคุณต่อผู้มีพระคุณ หรือความกตัญญูกตเวที.......แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไปนะจ๊ะ