วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2555

ปาฎิหาริย์หลวงพ่อพุทธชินราช จ.พิษณุโลก (ตอน ๑)




 
สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน....ขอขอบคุณทุกท่านมาก ๆ ที่ได้ให้กำลังใจผู้เขียน ด้วยการติดตามอ่านบทความมาตลอด ถึงจะไม่ตลอดก็ไม่ว่ากันจ๊ะ  นาน ๆ แวะเข้ามาเยี่ยมชมกันบ้างก็ยังชื่นใจน่ะ และขอขอบคุณมาก ๆ สำหรับท่านที่เป็นสมาชิกแบบเปิดเผย  มีเรื่องราวแปลก ๆ จะนำมาเล่าที่นี้ก็ได้นะ ยินดีต้อนรับเสมอจ๊ะ....ขึ้นปีใหม่ก็พบกันใหม่ที่เดิมอีกนะคะ  ก่อนอื่นก็ขออวยพรให้มีความสุขกายสุขใจทุกท่านเทอญ....เรื่องที่ฉันจะนำมาเล่าในวันนี้ ก็เป็นเรื่องประสบการณ์ของตนเอง  เป็นเรื่องเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์และปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อพุทธชินราช จ.พิษณุโลก

ประวัติย่อเกี่ยวกับพระพุทธชินราช (พิษณุโลก) ชื่อสามัญที่นิยมเรียกทั่ว ๆ ไป ว่า "หลวงพ่อใหญ่" เป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองพิษณุโลก เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย และเป็นพระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องว่าสวยงามที่สุดในบรรดาพระพุทธรูปทั้งหลายในประเทศไทย ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก สันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พญาลิไท) กษัตริย์องค์ที่ ๔ แห่งราชวงศ์พระร่วง สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี  ได้มีการสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ๓ องค์ คือ พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา และพระพุทธชินราช  สันนิษฐานว่าได้ฤกษ์เมื่อวันพฤหัสบดีขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีเถาะ ศักราช ๗๑๗ (พ.ศ.๑๘๙๘) เมื่อได้เททองหล่อเสร็จและแกะพิมพ์ออก ปรากฏว่าพระพุทธชินสีห์และพระศรีศาสดา มีองค์สวยงามสมบูรณ์ แต่พระพุทธชินราชนั้นแผ่นทองไม่ติดเต็มองค์ จึงต้องมีการหล่อใหม่อีกถึง ๓ ครั้ง ถึงกระนั้นก็ยังไม่สำเร็จ  พระมหาธรรมราชที่ ๑ จึงได้ตั้งสัตยาธิษฐานเสี่ยงพระบารมีของพระองค์ เป็นเหตุให้พระอินทร์ร้อนอาสน์ จึงได้เนรมิตเป็นตาปะขาวลงมาช่วยสร้างพระพุทธชินราช คุมพิมพ์และปั้นเบ้าเอง ด้วยอานุภาพแห่งพระอินทร์จอมเทพ พอลงมือเททอง ๆ ก็แล่นจับองค์พระเสร็จสมบูรณ์ด้วยดี และสวยงามหาที่ตำหนิมิได้เลย  เมื่อเสร็จกิจแล้ว ตาปะขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับ หมู่บ้านที่ตาปะขาหายตัวไปนั้น ภายหลังต่อมาได้ชื่อว่า "บ้านตาปะขาวหายและวัดตาปะขาวหาย" จนทุกวันนี้ และห่างจากวัดขึ้นไปทางทิศเหนือราว ๘๐๐ เมตร เล่ากันว่ามีผู้พบเห็นว่าท้องฟ้าเปิดเป็นช่องขึ้นไป ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์ จึงได้สร้างศาลาไว้เป็นที่ระลึก ณ ที่บริเวณนั้น เรียกกันว่า "ศาลาช่อฟ้า" จนถึงปัจจุบันนี้

เรื่องเกี่ยวกับหลวงพ่อใหญ่หรือหลวงพ่อพุทธชินราชเมืองพิษณุโลก  ฉันคิดว่าคงมีหลายท่านได้ประสบกับตนเองมากันบ้างแล้ว ก็คงจะแตกต่างกันไปตามเหตุปัจจัย  ฉันเป็นคนเมืองพิษณุโลก มีความรักและศรัทธาหลวงพ่อใหญ่มาก ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ๆ เวลามีความทุกข์ใจเมื่อใด ฉันก็จะชอบไปพึ่งบารมีหลวงพ่อใหญ่เสมอ ไปกราบท่านแล้วนั่งเพ่งพิจารณาความงดงามขององค์ท่าน พิจารณาจนจิตสงบ ถึงแม้ว่าจะมีผู้คนมากมาย แต่จิตก็สามารถสงบจากอกุศลได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ นี่ก็เรียกว่าอัศจรรย์ขั้นหนึ่งล่ะ  ทุกครั้งที่จะมีการสอบอะไรก็ตาม ฉันจะไปขอกำลังใจจากหลวงพ่อ ๆ ก็เมตตาช่วยฉันอย่างไม่น่าเชื่อ.....

มีเรื่องแปลกแต่จริง  เป็นเรื่องที่ฉันจำได้แม่นยำมากเลยล่ะ  ตอนที่ฉันสอบเข้าเรียนครูระดับ ป.ก.ศ.สูง รุ่นนั้นเป็นรุ่นพิเศษ เขารับจำนวนจำกัดมากแค่ ๕๐ คน คนเข้าสอบจำนวนเป็นร้อย ฉันโชคดีที่ติดที่สุดท้าย เกือบพลาดไปแล้ว ถ้าหลวงพ่อไม่ช่วยลูกช้างแย่แน่ ๆ เลย  หลวงพ่อใหญ่ช่วยฉันให้สอบได้ที่ ๕๑ ฉันสอบทำคะแนนได้เท่ากับคนที่ ๕๐ ก็แถมอีกหนึ่งคนสิทธิ์หลวงพ่อใหญ่  ฉันเรียนไม่เก่งแต่อาศัยว่าขยันอ่านขยันเขียนและอาศัยบารมีหลวงพ่อใหญ่มาตลอด  ท่านก็คงสงสาร....ในปีเดียวกัน ฉันได้ลองสอบบรรจุเสมียนสากลของจังหวัดพิษณุโลก มีผู้ร่วมสอบเยอะมาก  แต่รับบรรจุทำงานทั้งจังหวัดแค่ ๕ ตำแหน่ง  ก่อนสอบฉันก็ได้ไปกราบและนั่งเพ่งหลวงพ่อใหญ่เช่นเคย  แต่ก็ไม่ได้หวังอะไรหรอกนะ คิดว่าเป็นการสอบเพื่อสะสมประสบการณ์เท่านั้น เพราะว่าเห็นจำนวนคนสอบมาก ๆ  รู้สึกหมดหวังตั้งแต่แรกแล้ว  แต่หลวงพ่อใหญ่ท่านก็ยังเมตตาเหมือนเดิมอีก การสอบเสร็จผ่านไป ๓ เดือน เขาติดประกาศผลการสอบไว้ที่ศาลากลางจังหวัด ฉันก็ไม่สนใจอยากจะดู มีอยู่วันหนึ่งกำลังเรียนภาคค่ำอยู่ ได้มีเพื่อนสนิทสมัยเคยเรียนมาด้วยกัน เขามาบอกว่าฉันสอบบรรจุเสมียนสากลติดอันดับ ๑ ซึ่งมีคนสอบติดอันดับที่ ๑ ถึงสองคน คือทำคะแนนได้เท่ากัน เพื่อนบอกว่า "ทางจังหวัดเขาประกาศชื่อเรียกทางวิทยุให้ไปรายงานตัว ไม่รู้เรื่องเลยหรือ" ฉันจะรู้เรื่องได้ยังไงเพราะไม่คิดว่าจะโชคดีขนาดนั้น.....อย่างนี้ไม่ว่าอัศจรรย์ก็ไม่รู้จะว่ายังไงล่ะ  ฉันก็ได้สิทธิ์เลือกทำงานในแผนกงานที่ตนชอบ  ฉันก็เลือกเอาแผนกปกครองจังหวัด เพราะว่าเป็นแผนกที่สำคัญที่สุดของจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บังคับบัญชาการใหญ่  งานนี้ฉันไม่คิดว่าจะยึดเป็นอาชีพหลักหรอก  เพียงแค่หาประสบการณ์เท่านั้น  ทำงานได้แค่ ๓ เดือน ซึ่งเป็นช่วงทดลองงานก่อน  ช่วงนั้นพอดีมีการประกาศสอบบรรจุข้าราชการครูสังกัดกรมสามัญศึกษา  ฉันก็ได้แอบไปสมัครสอบโดยไม่ให้ผู้บังคับบัญชาในแผนกทราบ  ก่อนสอบฉันก็ได้ไปกราบหลวงพ่อใหญ่อีก ขอกำลังใจและขอให้สอบได้ด้วย  คราวนี้ต้องขอท่าน  เพราะอยากจะเป็นครู รักอาชีพครูมากเลย  การสอบครั้งนั้นบรรจุแค่ ๕ คน ฉันสอบติดอันดับ ๔  ก็ได้เลือกโรงเรียนที่ดีมากในอำเภอเมืองพิษณุโลก ฉันซาบซื้งในพระเมตตาคุณของหลวงพ่อใหญ่มาก ๆ เลย ท่านเมตตาเสมอ

ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง...ไม่รู้น่ะว่าคนอื่นจะมีประสบการณ์อย่างฉันมั้ย คือการเลือกคู่ครอง  ฉันก็ต้้องพึ่งบารมีของหลวงพ่อใหญ่ตามเคย  เพราะเหตุว่าตอนนี้ก็เป็นตอนสำคัญที่สุดในชีวิต.....หลังจากที่ฉันได้รับราชการครู อยู่ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลกได้ ๗ ปี ก็ได้รู้จักกับผู้ชายสวิสคนหนึ่ง โดยการแนะนำจากคนรู้จักกัน ฉันก็พาเขาไปกราบหลวงพ่อใหญ่ และได้อธิษฐานจิตต่อหลวงพ่อใหญ่ว่า "ถ้าหากว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ต่อหน้าหลวงพ่อนี้ เคยเป็นคู่ชีวิตกับลูกมาแต่ปางก่อน ก็ขอให้เขาก้มกราบหลวงพ่อได้อย่างไม่เคอะเขินและขอให้สามารถพูดคุยกันรู้เรื่องเข้าใจดี"  ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์อีกนั่นแหละ ผู้ชายคนนี้สามารถก้มกราบได้อย่างสวยงามอ่อนน้อม และเราสามารถสนทนากันเข้าใจอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าเราเคยรู้จักกันมานานแล้ว  ในที่สุดเราก็เป็นคู่ชีวิตอยู่ด้วยกันมาถึงวันนี้ ๓๐ ปีแล้วจ๊ะ ก็เพราะหลวงพ่อใหญ่ท่านเมตตามาโดยตลอด......

                                                                                                         ยังมีต่ออีกค่ะ.....