วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

เที่ยวงานตลาดนัดฤดูร้อน

รีดนมวัวสวิส
สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน.....สบายดีมั้ยคะ หวังว่าทุกท่านคงสบายดีนะคะ......วันนี้ฉันนำเรื่องคลายเครียดมาให้ชมกัน.....เป็นสาระแบบเบา ๆ และน่ารักดี

วันนี้ในหมู่บ้านที่ฉันอาศัยอยู่....ทางอำเภอได้จัดงานตลาดนัดฤดูร้อนประจำปี  เป็นตลาดนัดที่พิเศษกว่าตลาดนัดธรรมดา ซึ่งตลาดนัดธรรมดาจะมีทุก ๆ วันเสาร์  เฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น หากใครนอนตื่นสายก็อดไปจ่ายตลาดนัด.....แต่ว่าตลาดนัดประจำฤดูนี่ เขามีแค่ตอนปลายฤดูร้อน ชาวไร่ชาวสวนก็จะนำพืชผักผลไม้จากไร่จากสวนของเขามาขายกัน
ร้านขายเคื่องใช้ของตุ๊กตา
งานตลาดนัดฤดูร้อนในหมู่บ้านของแต่ละแห่งก็จะเริ่มไม่เหมือน ฉะนั้นบรรดานักเที่ยว นักกิน นักดื่ม นักซื้อ นักชม ฯลฯ ก็จะได้มีโอกาสไปได้หลาย ๆ แห่ง

วันนี้อากาศดีมาก (สำหรับคนชอบร้อน) ร้อนทั้งวัน จึงทำให้ที่ตลาดนัดมีผู้คนเต็มตลาดตั้งแต่เช้า.....คนเรานี่ส่วนใหญ่จะห่วงเรื่องปากเรื่องท้องมากกว่าเรื่องอื่น ๆ ไปไหนก็ไปหาของกินก่อนอื่น.....แต่ฉันไม่อย่างนั้นน่ะ เพราะว่าฉันกินไปก่่อนแล้ว....เป็นอันว่าฉันก็ห่วงท้องเหมือนกัน......พอไปถึงตลาดนัด ก็เห็นผู้คนเดินกินบ้างนั่งกินบ้าง  ร้านอาหารก็ทำอาหารกันสด ๆ ร้อน ๆ เดี๋ยวนั้นแหละ ขายดิบขายดี ส่วนใหญ่จะเป็นไส้กรอกปิ้งและปลาชุบแป้งทอด มีร้านที่ขายดีที่สุดในงาน คือร้านขายปอเปี๊ยะของชาวเวียดนาม  แกขายแค่ปอเปี๊ยะกับสับปะรดแค่นั้น  มีแต่คนเดินกินปอเปี๊ยะกันทั้งงาน  ตลกดีจัง
ร้านขายเทียนไขและบัตรอวยพร


ที่น่าสนใจมากสำหรับงานนี้ก็คือ มุมหนึ่งของตลาดนัดจะเป็นมุม ตลาดนัดของเด็ก ๆ  ฉันว่ามันแปลกและน่ารักดี ที่เขาเปิดโอกาสให้เด็กเล็ก ๆ ร่วมกิจกรรมด้วย เด็กแต่ละคนก็จะมีสิ่งของสารพัดอย่าง มาโชว์บ้าง ขายบ้าง  ส่วนใหญ่จะเป็นของประดิษฐ์ด้วยฝีมือตนเอง ซึ่งทางโรงเรียนสอนให้ทำ แล้วนำมาขายกัน

ผู้ที่สนใจซื้อของเด็ก ๆ เหล่านี้ ก็คือบรรดาพี่ ๆ น้อง ๆ ของเขานั่นแหละ.....เป็นไอเดียที่ดีมากทีเดียว ที่ให้เด็ก ๆ ได้ฝึกการค้าขาย  เป็นการฝึกอบรมอุปนิสัยหลาย ๆ ด้าน เช่น ความรับผิดชอบต่อหน้าที่  การฝึกสนทนากับคนแปลกหน้า  ความมีมนุษยสัมพันธ์ ฝึกความกล้า ความเชื่อมั่นในตนเองและฝึกความคิดริเริ่มสร้างสรรด้วย
ร้านขายเครื่องใช้ต่าง ๆ

งานนี้เดินแค่ ๑๐ นาทีก็รอบงานแล้ว เพราะว่าสถานที่ไม่ใหญ่โตนัก คนส่วนใหญ่ชอบซื้อฉลากเสี่ยงโชค พวกชาวสวนเขาจะเอาพวกผักและผลไม้มาออกรางวัล มีสารพัดชนิด พวกแม่บ้านก็ชอบเสี่ยงโชค เผื่อโชคดีได้ผักผลไม้ตะกร้าใหญ่ ๆ กลับไปบ้าน.......แต่ฉันไม่ได้เสียงโชคหรอกนะ เพราะมีผักผลไม้ตุนไว้พอแล้ว
ร้านขายหัวหอมและกระเทียม (ตลาดของผู้ใหญ๋)
งานนี้เขามีตั้ง ๒ วัน ยังไง ๆ ก็สู้ตลาดนัดเมืองไทยไม่ได้หรอกจ๊ะ  เทียบกันไม่ได้เลย สนุกคนละแบบแต่ก็น่าดู.......ฉันได้เก็บภาพมาฝากท่านผู้อ่านด้วยน่ะ.....เชิญชมตามสบายจ๊ะ......โอกาสหน้าพบกันอีกนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

ปาฏิหาริย์พระพิฆเนตร

โอมพระพิฆเนศวร
สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน....นานแล้วที่ฉันไม่ได้นำเรื่องแปลก ๆ มาเล่า......วันนี้ก็มีเรื่องเกี่ยวกับพระพิฆเนตรมาเล่าสู่กันฟัง (อ่าน).....หากท่านใดมีเรื่องเกี่ยวกับปาฏิหาริย์  จะเขียนมาร่วมกันเผยแพร่ในเว็บไซต์นี้ก็ได้นะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ

เรื่องที่จะเล่านี้ เป็นเรื่องเล่าจากคนรู้จักกันเล่าให้ฟังอีกทีหนึ่งค่ะ.....จะจริงหรือไม่ก็ไตรตรองกันเองนะคะ.....เธอผู้นำเรื่องมาเล่านี้  เธอบูชาพระพิฆเนตรด้วยความศรัทธามาก  เธอศรัทธาในศาสนาฮินดูมาก
พอ ๆ  กับศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา....ในบ้านของเธอจะมีห้องพระโดยเฉพาะ ซึ่งตกแต่งไปด้วยองค์เทพเจ้า  และรูปภาพขององค์เทพเจ้าแห่งศาสนาฮินดูด้วย  จนดูเหมือนเป็นวัดฮินดู  ส่วนองค์บูชาของหลวงปู่หลวงพ่อนั้น ดูเหมือนจะไม่เห็นเด่นชัดเท่าองค์เทพเจ้านัก.....ฉันเห็นแล้วก็อดที่จะแนะนำไม่ได้  เพราะเหตุว่าการบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวนั้น  ควรที่จะต้องกระทำให้ถูกต้อง จึงจะเป็นผลดี 

สิ่งศักดิ์สิทธิ์และสิ่งเร้นลับมีจริง มีทั้งให้คุณและให้โทษได้เช่นกัน  ถ้าปฏิบัติไม่ถูกต้อง  ดังนั้นจึงควรปรึกษาผู้รู้หรือศึกษาจากตำราก็ได้....ฉันได้แนะนำให้เธอจัดห้องพระให้ถูกต้อง โดยแยกมุมห้องให้เป็นสัดส่วน มุมหนึ่งเป็นมุมของพระพุทธศาสนา จะมีหิ้งหรือโต๊ะหมู่บูชา ตั้งไว้สูงกว่าองค์เทพเจ้า.....ส่วนมุมของศาสนาฮินดูนั้น  จัดไว้ให้ต่ำกว่า เช่น รูปภาพองค์เทพต่าง ๆ  ควรติดไว้ที่ผนังให้ต่ำกว่ารูปภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือรูปพระอริยเจ้า  เธอก็เป็นผู้ว่าง่าย  เมื่อได้รับคำแนะนำจากฉัน  เธอก็รีบเปลี่ยนทันที  เพราะเหตุว่าวันนั้นเป็นวันที่ลูกชายคนเล็กของเธอ โดนรถชนสมองเละและขาหักข้างหนึ่ง เธอเลยรีบเปลี่ยนแปลงห้องพระทันที  เพราะคิดว่าคงจะช่วยให้ลูกชายของเธอ มีอาการดีขึ้น นี่ก็เป็นกำลังใจอย่างหนึ่ง แต่จริง ๆ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตแต่ละวัน ทางตา ทางหู  ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายนี้ เป็นผลของกรรม (วิบากกรรม) ที่ได้กระทำแล้ว เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมแล้วจึงปรากฏแล้ว ก็ดับไปตามความเป็นจริงของสิ่งทั้งหลาย มีเกิดแล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา ดังคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้

มีอยู่วันหนึ่งเธอตั้งใจว่า จะนำรูปภาพของพระพิฆเนตรไปติดไว้ ที่ห้องนอนของลูกชายที่โรงพยาบาล   ปรกติเธอจะเดินทางไปเยี่ยมลูกชายด้วยรถไฟ......แต่วันนี้บังเอิญมีเพื่อนของเธอว่างจากงาน  เขาได้อาสาขับรถ  พาเธอไปโรงพยาบาล  ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบ ๑ ชั่วโมง  ได้มีเพื่อนของคนขับนั่งไปด้วยตรงด้านหน้า  ส่วนตัวเธอนั่งด้านหลัง ในมือถือรูปภาพพระพิฆเนตรบานใหญ่.....รถบนถนนทางด่วนก็เป็นที่ทราบกันแล้วว่า จะต้องแล่นด้วยความเร็วมาก.....เธอได้เล่าว่า เธอไม่รู้สึกตัวเลยว่า เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับเธอ มันแค่ชั่ววูบเดียว  พอรู้สึกตัวก็รีบคลานออกมาจากหลังรถออกมา ประตูรถข้างหนึ่งถูกล็อคโดยอัตโนมัติ ส่วนประตูอีกด้านหลุดกระเด็นไปอยู่คนละฟากถนน  รถคันหลังจะแซงคันหน้า ไม่ทราบว่าทำอีท่าไหน เสียหลักเลยพุ่งไปทิ่มก้นรถคันที่เธอนั่ง  ด้านหลังประตูพังหลุดหมด เรียกว่ารถพังทั้งคัน ไม่มีสภาพที่จะซ่อมได้เลย.....แต่เธอรอดมาได้อย่างอัศจรรย์มาก.....เพราะปาฏิหาริย์ของพระพิฆเนตรอย่างแน่นอน....เธอบอกว่าถ้าเธอไม่มีพระพิฆเนตรไปด้วย  เธอและเพื่อนก็คงจะต้องตายคาที่แน่ ๆ เลย

หลังจากนั้นมาอีกหนึ่งปี....เธอก็ประสบกับอกุศลวิบากอย่างหนักอีกครั้ง  บ้านที่เธออยู่อาศัยได้ถูกไฟไหม้ตอนกลางวัน ๆ หนึ่ง  ขณะที่เธอกำลังนอนหลับพักผ่อน อยู่กับหลานสาวตัวเล็ก  เธอกำลังหลับสนิท ควันไฟได้โหมทั้งบ้าน แต่เธอก็ไม่ร้สึกได้กลิ่นควันเลย จนกระทั่งลูกสาวของเธอ มาพบเหตุการณ์เห็นไฟกำลังไหม้บ้านอยู่  จึงรีบปลุกเธอให้รีบหนีไฟ.......ในที่สุดไฟก็ได้ไหม้บ้านตึกชั้นที่เธออาศัยอยู่  หมดเกลี้ยง ห้องพระก็ไม่เหลือเลย.....โชคดีที่เธอไม่โดนไฟไหม้.....ฟังแล้วก็เกิดความสงสารนะคะ....เรื่องวิบากกรรมนี่ซื่อสัตย์มากเลย  ทำดีได้ทำชั่วได้ชั่ว เป็นสัจธรรม....เป็นธรรมะที่เราควรศึกษากันให้มาก ๆ  เพื่อความเข้าใจตามความเป็นจริง ของสิ่งทั้งหลายว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน บุคคล....ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิด

ขอขอบคุณทุกท่าน  ที่ให้ความสนใจติดตามเว็บไซต์ "แปลกแต่จริง" มาโดยตลอด.....โอมพระพิฆเนศวร