สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้มีเรื่องเล่าซึ่งไม่เกี่ยวกับวัดนะคะ เปลี่ยนสไตล์ใหม่บ้าง เขียนแต่เรื่องวัด บางท่านก็อาจจะเบื่อก็ได้ งั้นเอาเรื่องเมื่อวานนี้ดีกว่านะ....วันนี้จะไม่ขอเกริ่นอะไรมากมาย เพราะรู้สึกเพลียจากการเดินทางไปทำบุญที่วัดป่า ไปซะไกลลิบเลยจ๊ะ เอาไว้วันหลังจะนำภาพวิวสวย ๆ มาลงให้ชมกันจ๊ะ
เมื่อวานนี้ที่สมาคมไทย-กวนอิม, สวิตเซอร์แลนด์ ได้มีการทำพิธีไหว้ครูประจำปี เราไม่ได้จัดพิธีใหญ่โตหรอกนะ ก็แล้วแต่สมาชิกท่านใดอยากจะมาไหว้ก็มากัน ตามแต่สะดวก ไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์อะไรทั้งนั้น ไม่มีการเสียค่าครูบาอาจารย์ อยากไหว้ครูระลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ นับตั้งแต่ครูท่านแรกสุด คือ มารดาบิดา แล้วก็ครูบาอาจารย์ที่เราได้ร่ำเรียนในโรงเรียนต่าง ๆ จนกระทั่งถึงครูบาอาจารย์ที่เป็นระดับเทพหรือเทวดา ต่างคนต่างก็หอบหิ้วดอกไม้ธูปเทียนและพานมาจัดกันเอง เดินทางมาจากต่างจังหวัด บางคนบอกว่าต้องตื่นเตรียมตัวตั้งแต่ตีสาม เพราะว่าต้องใช้เวลาเดินทางถึง ๒ ชั่วโมงเศษ ๆ
พอมาถึงที่สมาคมเราก็มีสนทนาเรื่องสัพเพเหระกัน เพราะว่านานปีทีหนจะได้เจอหน้ากันสักครั้ง
ก็คุยกันพอหอมปากหอมคอ จากนั้นก็ลงมือจัดพานดอกไม้ธูปเทียนกัน เสร็จแล้วก็รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ปกติทุกปีสมาชิกจะนำอาหารมาด้วย แต่ปีนี้ฉันบอกว่า ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องกิน เราจะกินมังสะวิรัตกัน งดเนื้อสัตว์สักหนึ่งวัน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เป็นอันว่างานนี้ฉันทำอาหารเอง ทำอาหารที่ง่ายมาก ๆ และอร่อยด้วย ก็สปาเก็ตตี้ไง มันง่ายดีและรับประทานได้ทุกคน
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีการเดินจงกรมย่อยอาหารไปในตัว เพราะว่าจะต้องมีการนั่งฟังธรรมนานพอสมควร อาจารย์เทวดาจะมาบรรยายธรรมให้พวกเราฟังทุกครั้งที่มีการไหว้ครู หรือว่ามีคนมาเยี่ยมสมาคม ไม่ว่าคนไทยหรือคนฝรั่งก็ตาม เทวดาก็จะสาธยายธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ฟังหมดแหละ.....วันนี้ก็ได้ฟังธรรมเกี่ยวกับเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน คือ เรื่องรูปธรรมกับนามธรรมที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ท่านบอกว่า รูปธรรมนี่ไม่รู้อะไร แต่นามธรรมรู้สภาพธรรมที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ถ้าสติไม่เกิดระลึกรู้ว่าเป็นเพียงนามเท่านั้นที่ทำหน้าที่รู้ ก็จะกลายเป็นเราเห็น เราได้ยิน เราได้กลิ่น เรารู้รส เรารู้กระทบสัมผัสทางกาย และเราคิดนึกเรื่องราวต่าง ๆ นี่แค่เพียงตัวอย่าง สั้น ๆ ค่ะ ปู่อาจารย์สอนเป็นชั่วโมง คนฟังก็เข้าใจในขณะนั้น จากบางอย่างไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็ได้รู้ได้เข้าใจเพิ่มขึ้นเป็นปัญญา นับว่าคุ้มกับการเสียเวลาที่มากัน
เมื่อเล่าถึงเรื่องไหว้ครู ก็เลยจะถือโอกาสเล่าเกี่ยวกับสมาชิกคนไทยกลุ่มหนึ่ง เขาก็ไหว้ครูทุกปีเหมือนกัน แต่ทำพิธีโดยผ่านทางโทรศัพท์ เขาจะสวดมนต์ให้อาจารย์เทวดาฟังทางสาย แล้วก็ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์ทางสายเช่นกัน เปิดขยายเสียงให้ฟังได้ทุกคน.......ปีนี้เมื่อกลางเดือนมีนา ฉันได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้าน จึงได้แวะเยี่ยมสมาชิกด้วย พวกเขาได้ถือโอกาสทำพิธีไหว้ครูกันในวันนั้น งานนี้มีคุณยายอายุ ๘๙ ปี เข้าร่วมไหว้ครูและฟังธรรมจากเทวดาด้วยนะ คุณยายเข้าร่วมพิธีไหว้ครู่กับลูกหลานทุกปีไม่เคยขาดเลย ปีนี้คุณยายแข็งแรงกว่าปีแรกที่ฉันรู้จักซะอีก ทั้ง ๆ ที่อายุย่างเข้า ๙๐ แล้ว
มีอยู่ตอนหนึ่ง คุณยายนึกตลกยังไงไม่ทราบ ท่านพูดกับเทวดาว่า "ปู่...ฉันอยากจะถูกหวยรางวัลที่ ๑ บ้าง" ปู่หัวเราะฮ่า ฮ่า "ยายแก่แล้ว ยายจะเอาเงินไปทำอะไร ตายแล้วเอาเงินไปได้มั้ย ตายกับธรรมะดีกว่านะยาย" คุณยายก็หัวเราะฮิ ฮิ แล้วตอบว่า "พวกลูก ๆ เขาไม่ให้เงินฉัน" พอลูก ๆ คุณยายได้ยินคุณแม่ฟ้องปู่เช่นนั้น ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่จริง ๆ ปู่อย่าไปเชื่อแม่ พวกเราให้เงินแม่ทุกเดือน" คุณยายก็หัวเราะชอบใจที่ทำให้ลูก ๆ สะดุ้งตาม ๆ กัน ท่านคงหยอกลูก ๆ สนุกเล่นเท่านั้นเอง
ที่จริงแล้ว ท่านมีเงินเก็บเหลือใช้ซะอีก.....ท่านปู่อาจารย์ได้บรรยายธรรมให้ทุกคนฟังพอสมควรแก่เวลา จากนั้นก็มีการทดสอบความเข้าใจเป็นรายคน คุณยายโดนถามบ่อยกว่าใคร แต่ก็ตอบเก่งนะ ตอบได้ถูกต้องหมดเลย ความจำท่านดีมากทีเดียว คนหนุ่มยังแพ้ท่านซะอีก น่าอิจฉามั้ยค่ะ คุณยายเป็นคนมีบุญเพราะสะสมมาดี จึงมีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนด้วย คุณยายชอบฟังธรรมและทำบุญสม่ำเสมอ น่าสรรเสริญนะคะ....เอาล่ะ..ฉันคิดว่าเขียนเล่ามามากแล้ว ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อแล้ว ขอจบลงแค่นี้แหละนะ
ท่านผู้อ่านคงไม่บ่นกันนะคะ ว่าอยู่ ๆ ก็จบกันห้วน ๆ ก็ฉันง่วงนอนแล้วนี่.....งั้นก็ขอเชิญชมรูปภาพสวย ๆ ตามอัธยาสัยค่ะ
ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ......พบกันอีกในเรื่องต่อไปนะคะ
........................................
วันนี้มีเรื่องเล่าซึ่งไม่เกี่ยวกับวัดนะคะ เปลี่ยนสไตล์ใหม่บ้าง เขียนแต่เรื่องวัด บางท่านก็อาจจะเบื่อก็ได้ งั้นเอาเรื่องเมื่อวานนี้ดีกว่านะ....วันนี้จะไม่ขอเกริ่นอะไรมากมาย เพราะรู้สึกเพลียจากการเดินทางไปทำบุญที่วัดป่า ไปซะไกลลิบเลยจ๊ะ เอาไว้วันหลังจะนำภาพวิวสวย ๆ มาลงให้ชมกันจ๊ะ
เมื่อวานนี้ที่สมาคมไทย-กวนอิม, สวิตเซอร์แลนด์ ได้มีการทำพิธีไหว้ครูประจำปี เราไม่ได้จัดพิธีใหญ่โตหรอกนะ ก็แล้วแต่สมาชิกท่านใดอยากจะมาไหว้ก็มากัน ตามแต่สะดวก ไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์อะไรทั้งนั้น ไม่มีการเสียค่าครูบาอาจารย์ อยากไหว้ครูระลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ นับตั้งแต่ครูท่านแรกสุด คือ มารดาบิดา แล้วก็ครูบาอาจารย์ที่เราได้ร่ำเรียนในโรงเรียนต่าง ๆ จนกระทั่งถึงครูบาอาจารย์ที่เป็นระดับเทพหรือเทวดา ต่างคนต่างก็หอบหิ้วดอกไม้ธูปเทียนและพานมาจัดกันเอง เดินทางมาจากต่างจังหวัด บางคนบอกว่าต้องตื่นเตรียมตัวตั้งแต่ตีสาม เพราะว่าต้องใช้เวลาเดินทางถึง ๒ ชั่วโมงเศษ ๆ
พอมาถึงที่สมาคมเราก็มีสนทนาเรื่องสัพเพเหระกัน เพราะว่านานปีทีหนจะได้เจอหน้ากันสักครั้ง
ก็คุยกันพอหอมปากหอมคอ จากนั้นก็ลงมือจัดพานดอกไม้ธูปเทียนกัน เสร็จแล้วก็รับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ปกติทุกปีสมาชิกจะนำอาหารมาด้วย แต่ปีนี้ฉันบอกว่า ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องกิน เราจะกินมังสะวิรัตกัน งดเนื้อสัตว์สักหนึ่งวัน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เป็นอันว่างานนี้ฉันทำอาหารเอง ทำอาหารที่ง่ายมาก ๆ และอร่อยด้วย ก็สปาเก็ตตี้ไง มันง่ายดีและรับประทานได้ทุกคน
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มีการเดินจงกรมย่อยอาหารไปในตัว เพราะว่าจะต้องมีการนั่งฟังธรรมนานพอสมควร อาจารย์เทวดาจะมาบรรยายธรรมให้พวกเราฟังทุกครั้งที่มีการไหว้ครู หรือว่ามีคนมาเยี่ยมสมาคม ไม่ว่าคนไทยหรือคนฝรั่งก็ตาม เทวดาก็จะสาธยายธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ฟังหมดแหละ.....วันนี้ก็ได้ฟังธรรมเกี่ยวกับเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน คือ เรื่องรูปธรรมกับนามธรรมที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ท่านบอกว่า รูปธรรมนี่ไม่รู้อะไร แต่นามธรรมรู้สภาพธรรมที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ถ้าสติไม่เกิดระลึกรู้ว่าเป็นเพียงนามเท่านั้นที่ทำหน้าที่รู้ ก็จะกลายเป็นเราเห็น เราได้ยิน เราได้กลิ่น เรารู้รส เรารู้กระทบสัมผัสทางกาย และเราคิดนึกเรื่องราวต่าง ๆ นี่แค่เพียงตัวอย่าง สั้น ๆ ค่ะ ปู่อาจารย์สอนเป็นชั่วโมง คนฟังก็เข้าใจในขณะนั้น จากบางอย่างไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็ได้รู้ได้เข้าใจเพิ่มขึ้นเป็นปัญญา นับว่าคุ้มกับการเสียเวลาที่มากัน
เมื่อเล่าถึงเรื่องไหว้ครู ก็เลยจะถือโอกาสเล่าเกี่ยวกับสมาชิกคนไทยกลุ่มหนึ่ง เขาก็ไหว้ครูทุกปีเหมือนกัน แต่ทำพิธีโดยผ่านทางโทรศัพท์ เขาจะสวดมนต์ให้อาจารย์เทวดาฟังทางสาย แล้วก็ฟังธรรมจากครูบาอาจารย์ทางสายเช่นกัน เปิดขยายเสียงให้ฟังได้ทุกคน.......ปีนี้เมื่อกลางเดือนมีนา ฉันได้มีโอกาสไปเยี่ยมบ้าน จึงได้แวะเยี่ยมสมาชิกด้วย พวกเขาได้ถือโอกาสทำพิธีไหว้ครูกันในวันนั้น งานนี้มีคุณยายอายุ ๘๙ ปี เข้าร่วมไหว้ครูและฟังธรรมจากเทวดาด้วยนะ คุณยายเข้าร่วมพิธีไหว้ครู่กับลูกหลานทุกปีไม่เคยขาดเลย ปีนี้คุณยายแข็งแรงกว่าปีแรกที่ฉันรู้จักซะอีก ทั้ง ๆ ที่อายุย่างเข้า ๙๐ แล้ว
มีอยู่ตอนหนึ่ง คุณยายนึกตลกยังไงไม่ทราบ ท่านพูดกับเทวดาว่า "ปู่...ฉันอยากจะถูกหวยรางวัลที่ ๑ บ้าง" ปู่หัวเราะฮ่า ฮ่า "ยายแก่แล้ว ยายจะเอาเงินไปทำอะไร ตายแล้วเอาเงินไปได้มั้ย ตายกับธรรมะดีกว่านะยาย" คุณยายก็หัวเราะฮิ ฮิ แล้วตอบว่า "พวกลูก ๆ เขาไม่ให้เงินฉัน" พอลูก ๆ คุณยายได้ยินคุณแม่ฟ้องปู่เช่นนั้น ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่จริง ๆ ปู่อย่าไปเชื่อแม่ พวกเราให้เงินแม่ทุกเดือน" คุณยายก็หัวเราะชอบใจที่ทำให้ลูก ๆ สะดุ้งตาม ๆ กัน ท่านคงหยอกลูก ๆ สนุกเล่นเท่านั้นเอง
ที่จริงแล้ว ท่านมีเงินเก็บเหลือใช้ซะอีก.....ท่านปู่อาจารย์ได้บรรยายธรรมให้ทุกคนฟังพอสมควรแก่เวลา จากนั้นก็มีการทดสอบความเข้าใจเป็นรายคน คุณยายโดนถามบ่อยกว่าใคร แต่ก็ตอบเก่งนะ ตอบได้ถูกต้องหมดเลย ความจำท่านดีมากทีเดียว คนหนุ่มยังแพ้ท่านซะอีก น่าอิจฉามั้ยค่ะ คุณยายเป็นคนมีบุญเพราะสะสมมาดี จึงมีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืนด้วย คุณยายชอบฟังธรรมและทำบุญสม่ำเสมอ น่าสรรเสริญนะคะ....เอาล่ะ..ฉันคิดว่าเขียนเล่ามามากแล้ว ไม่รู้จะเขียนอะไรต่อแล้ว ขอจบลงแค่นี้แหละนะ
ท่านผู้อ่านคงไม่บ่นกันนะคะ ว่าอยู่ ๆ ก็จบกันห้วน ๆ ก็ฉันง่วงนอนแล้วนี่.....งั้นก็ขอเชิญชมรูปภาพสวย ๆ ตามอัธยาสัยค่ะ
ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ......พบกันอีกในเรื่องต่อไปนะคะ
........................................