วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ตามล่าแม่จันทรา


สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านทุกท่าน.....วันนี้ต้องขอพักบันทึกการท่องเที่ยวและแสวงบุญไว้ก่อนนะคะ  อ่านเรื่องใหม่ที่แปลก ๆ แก้เช็งกันบ้าง ผู้เขียนยังไม่เซ็งหรอกค่ะ แต่เกรงว่าผู้อ่านจะพากันเซ็งซะก่อน ฉันอดไม่ได้ที่จะเก็บเรื่องแปลก ๆ ไว้ในใจคนเดียว จึงคิดว่าน่าจะแบ่งปันให้ท่านผู้อ่าน ได้รู้ได้ดูกันด้วย ว่ามันแปลกแต่จริงอย่างที่ฉันคิดมั๊ย  ไม่แน่น่ะ...บางท่านอาจจะว่าไม่แปลกอะไร  เราก็ไม่ว่ากันจ๊ะ เพราะแต่ละคนต่างก็สะสมมาไม่เหมือนกัน


จะขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ ขี้เกียจที่จะเกริ่นบทนำยาว ๆ  เรื่อง "ตามล่าแม่จันทรา" นี้เป็นเรื่องแปลกได้ยังไง  ท่านคงจะสงสัยซินะ  เมื่อเย็นวานนี้เองจ๊ะ ประมาณเวลาสามทุ่มครึ่ง ยังไม่ค่ำมืดเลยนะ อากาศดีมากเลยท้องฟ้าสว่างไม่มีเมฆหมอกรบกวน ท้องฟ้าสีสวยมากมีแม่จันทราลอยโดดเดี่ยวอยู่เดียวดาย ฉันเลยรีบรี่ไปคว้ากล้องคู่ใจมาอย่างเร็ว แล้วก็รีบบันทึกภาพอย่างรวดเร็วด้วย....การซูมภาพไกลมาก ๆ นี่ไม่ง่ายเลยนะ เพราะว่าไม่ใช่ภาพนิ่ง ท่านแม่จันทราก็เคลื่อนไปเรื่อย ๆ ฉันการตามถ่ายไปติด ๆ แบบไม่ยั้งเหมือนกัน แม้ว่าจะเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า แต่กล้องมันก็สั่นไม่หยุด เพราะว่าซูมสุดขีด ถึงยังไงก็ตาม ก็ยังโชคดีที่ได้ภาพมาฝากท่านผู้อ่านหลายภาพ  กว่าจะได้ภาพสวย ๆ  ต้องตามล่ากันจนเหนื่อยเมื่อยเลยล่ะ

เรื่องยังไม่จบแค่นี้จ๊ะ ประมาณตี ๑ ครึ่ง ฉันกำลังจะเข้านอนตามปรกติ  แต่ว่าคืนนี้ไม่ปรกติค่ะ ในห้องนอนสว่างมาก เพราะมีแสงจากแม่จันทราฉายเข้ามาเต็มห้อง เหมือนแสงไฟตะเกียงดวงใหญ่มากทีเดียว  ฉันก็ไม่ได้สนใจหรอกนะ ถึงจะสว่างยังไงก็หลับได้ เพราะว่าดึกแล้วและก็ได้เป็นเวลาที่จะต้องหลับด้วย  ดังนั้นจึงได้สวดมนต์  เสร็จแล้วก็นอนหันหลังให้แม่จันทรา  พอเริ่มจะเคลิ้ม ๆ จิตกำลังจะเข้าภวังค์  ทันใดนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงดังดังในห้องนอน ดังแช๊ก ๆ ๆ  สามครั้งติด ๆ กัน พร้อมกับมีแสงไฟเหมือนไฟแฟล็ชจากกล้องถ่ายรูป  ฉันคิดว่าลูกชายคงจะถ่ายรูปแม่จันทราอยู่ในห้องของเขา เพราะว่าห้องเราอยู่ติดกัน เขาคงถ่ายรูปแน่ ๆ เลย พอจะเริ่มหลับตาอีกครั้ง ก็ปรากฏมีแสงจากแฟล็ชและเสียงดังแช๊ต ๆ ติดต่อกันหลายครั้งอีก

คราวนี้ชักสงสัยแล้วล่ะ เป็นไปไม่ได้เลย ที่แฟล็ชจากที่อื่นจะเข้ามาในห้องฉันได้  ฉันคิดว่าไม่ธรรมดาแน่ ๆ  จึงได้พลิกตัวหันหน้าไปทางหน้าตา  แม่จันทราสว่างจ้าอยู่ตรงหน้าต่างพอดี ฉันคิดว่าแม่จันทราคงเรียกไปถ่ายรูปมั้ง ถึงได้มีเหตุการณ์เช่นนี้  ท่านแสดงปาฏิหาริย์ให้เราดูขนาดนี้ ยังโง่่นอนหลับทับสิทธิ์อยู่ได้ พอคิดได้เช่นนั้น จึงรีบลุกไปที่ห้องทำงาน แล้วก็คว้าเอากล้องมาโดยเร็ว  คราวนี้ไม่ต้องตามล่ากันให้เหนื่อยเหมือนเมื่อตอนหัวค่ำ  รู้สึกว่ายิ่งดึกยิ่งสวยมาก ท่านมีลีลาน่าชมยิ่ง  ฉันเองยังหลงใหลถ่ายภาพจนลืมง่วงไปเลย  พอได้ภาพเป็นที่พอใจแล้ว ก็ขอบคุณที่ท่านได้มาปลุกให้ไปชมความงามของท่าน เสร็จแล้วฉันก็กลับไปนอนหันหลังให้ท่านต่อ ตั้งใจว่าจะหลับซะที เพราะว่าดึกมากแล้ว สามียังแซวฉันว่า "ทำไมไม่ถ่ายต่ออีกล่ะ" ฉันบอก "พอแล้ว ฉันง่วงแย่แล้ว" พอหันหน้ามาตอบสามีเสร็จ สายตาเหลือบไปเห็นแม่จันทรายังไม่ลับจากหน้าต่างห้องนอนเลย  ขณะนั้นได้มีกลุ่มเมฆสีเทาค่อย ๆ ขยายตัวใหญ่ขึ้น ๆ และค่อย ๆ เคลื่อนเหมือนฉากกำลังจะปิดการแสดง แม่จันทราก็ค่อย ๆ หายตัวเข้าไปหลังฉากอยางช้า ๆ จนกระทั่งในที่สุดก็ลาลับไป.... จากท้องฟ้าที่เมื่อครู่นี้แสงสว่างจ้ามาก กลับกลายเป็นมืดไปในพริบตา นี่ก็เป็นธรรมะ เป็นของจริงให้เราเห็นว่า ธรรมทั้งหลายเป็น "อนัตตา" ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล บังคับบัญชาไม่ได้เลย


ได้ชมความงามของแม่จันทราแล้ว รู้สึกเป็นไงบ้างคะ คงไม่เป็นลมไปซะก่อนนะ.....สำหรับการตามล่าแม่จันทราก็ได้จบลงเพียงแค่นี้ก่อนจ๊ะ แล้วพบกันอีกจ๊ะ