วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ปีศาจฝรั่ง (๒)

สวัสดีค่ะ  ท่านผู้อ่านทุกท่าน....ท่านได้อ่านเรื่อง "ปีศาจฝรั่ง ตอน ๑" จบไปแล้ว  รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างคะ....ตื่นเต้นดีเน๊าะ ในเหตุการณ์จริง ๆ น่ะ  มันตื่นเต้นซะจนซื่อบื่อ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำยังไงดี จะทำอะไรก่อนอะไรหลัง  จะสวดมนต์ร่ายคาถาบทไหนก่อนจึงจะดี....ลองสารพัดบท ก็ยังไม่สามารถที่จะจัดการเจ้าปีศาจร้ายฝรั่งได้เลย  เขาคงจะฟังภาษาบาลีไม่รู้เรื่อง เลยไม่กลัวหรือว่าฤทธิ์เดชของมนต์และคาถาอาจจะทำให้พวกเขาเจ็บปวดทรมานมาก  จึงเป็นเหตุให้พวกเขาเกิดโทสะอย่างรุนแรงมากขึ้น.....ฉันเองก็สู้ไม่มีการพักเหมือนกัน  ดูซิใครจะเก่งกว่ากัน......ท่านผู้อ่านลองเดาดูน่ะ  ว่าใครจะชนะ
ถ้าเป็นคนใจอ่อนขี้  ก็ไม่ต้องคิดมากเลย  ติดตามเรื่องราวตอนต่อไปแบบสบาย ๆ  ทำใจเป็นกลางไว้  เดี๋ยวก็จะรู้ว่าใครจะเพียบใครจะเผ่นกันแน่  เจอเหตุการณ์ตื่นเต้นแบบนี้  ถ้าอยู่กันหลายคนก็ยังช่วยกันคิดช่วยกันหาวิธีได้ต่าง ๆ นานา คงจะสนุกน่าดู แต่อยู่แบบคนไทยโดดเดี่ยวแต่ไม่เดียวดายนี่ก็หนักเหมือนกันนะ  เพราะเรื่องผี ๆ  ไม่มีใครเขาเข้าใจกับเรา....แต่เขาก็เชื่อว่ามันมีจริง ก็ยังดีที่เชื่อกัน  เป็นอันว่างานนี้ลุยเดี่ยว

ลูกชายของฉันโดนพวกปีศาจร้ายเล่นงานซะซูบไปเลย.....เห็นไหมว่าผีฝรั่งแกร้ายกาจขนาดไหน  กลางวันแสก ๆ  ยังไม่เกรงกลัวว่าจะโดนพระเจ้าลงโทษ.....หลังจากที่ลูกชายได้รับการเย็บแผลที่จมูกทั้งสองข้างเรียบร้อยแล้ว  ก็เป็นอันว่าเหตุการณ์ตื่นเต้นสยองขวัญได้สงบลง  เพราะว่าพวกปีศาจร้ายทั้งหลาย  ได้ถูกปราบสยบไปแล้ว โดยฝีมือพระแม่กวนอิมปางพันเนตรพันกร....บ่ายวันเดียวกันนั้นแหละ  ฉันได้หลับไปด้วยความอ่อนเพลียหมดแรง

ท่านผู้อ่านเชื่อมั้ยคะ..... ว่าพวกผีปีศาจเขามีความอาฆาตพยาบาทยิ่งกว่ามนุษย์ซะอีก  คงจะเป็นเพราะว่าจิตดวงสุดท้ายก่อนจุติจิตจะเกิด เป็นอกุศลจิต เป็นโทสมูลจิต พอปฏิสนธิ (เกิด) จึงมีปฏิสนธิจิตที่ประกอบด้วยโทสมูลจิต ผลของอกุศลกรรมนำไปปฏิสนธิในอบายภูมิ ๔  เกิดเป็นผีปีศาจก็เลยมีอุปนิสัยชั่วร้ายขี้โกรธอาฆาตพยาบาท เพราะจิตได้สะสมสืบต่อมาเช่นนั้น.....ฉันดีใจมากที่เรื่องปีศาจร้ายจบลงได้  แต่ที่ไหนได้  เขาไม่ยอมจบง่าย ๆ อย่างที่ฉันคิด ยังมีต่อตอนสองอีกนะ  หลังจากที่ฉันได้นอนหลับพักผ่อนจนมีเรี่ยวแรงเป็นปรกติแล้ว  คิดในใจว่าจะลุกไปดื่มกาแฟสักถ้วย  พอลุกนั่งเสร็จ.....ฉันแทบช๊อค เพราะเลือดกำเดาออกจมูกข้างขวา ไหลหยดเปื้อนเสื้อแดงเลอะที่หน้าอก เลือดสีแดงเข้มเป็นเลือดดีเสียดายจัง  คว้ากระดาษทิชชู่ได้ก็รีบอูดไว้ก่อน  แต่ก็กั้นไม่อยู่หรอก  มันไหลทะลักเหมือนถังน้ำรั่วยังงั้นแหละ  เสียเลือดไปมากแล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าจะเบาเลย.....ฉันก็เลยพูดคนเดียว ด้วยเสียงดังออกไปว่า  "ฉันรู้แล้วล่ะ ว่าพวกแกยังไม่ยอมแพ้"  สามีและลูกชายได้ยินเสียงฉันพูด ก็พากันรีบเข้ามาหาฉันที่ห้องนอน  คงสงสัยว่าพูดกับใคร.....ทันใดนั้นก็ต้องตะลึงงัน อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกกัน....ฉันจึงได้บอกสามีและลูกชายว่า ไม่ต้องตกใจนะ  ฉันเจอเข้าให้แล้ว  พวกปีศาจเขาโกรธฉันมาก  ที่ฉันได้เชิญครูบาอาจารย์มาปราบพวกเขา

ปีศาจพวกนี้เขาคงจะโกรธแค้นมาก ๆ ที่พระแม่กวนอิมมาปราบ  คงจะพากันหนีตะเลิดเปิดเปิ้งไปพักใหญ่  คงจะไปคิดหาวิธีเล่นงานพวกเราใหม่อีกรอบ  เขาคงคิดว่า ต้องจัดการคนที่มันชอบขัดขวางความสุขของพวกเขาก่อน ต่อไปจะได้เล่นงานคนอื่นได้สะดวกหน่อย  นี่ฉันก็คิดปรุงแต่งไปเรื่อยเปื่อย ไม่แน่เขาอาจจะคิดดีกว่าฉันก็ได้ เพราะเรื่องของจิตไม่มีใครเข้าไปรู้ของใครได้  แม้แต่จิตของเราเองยังไม่ค่อยจะรู้เลย ถ้าไม่เคยเจริญสติอยู่เนื่อง ๆ  .......ในที่สุดฉันต้องรีบไปหาหมอโดยด่วน เพื่อให้หมอเย็บแผลในจมูกให้  เพื่อที่จะให้เลือดหยุด.....ขอเล่าเรื่องการเย็บแผลในรูจมูกสักหน่อยนะ  ฉันเองก็เพิ่งจะได้สัมผัสด้วยตนเอง  มันเจ็บปวดน่าดูเลยนะ เย็บแบบสด ๆ หายใจก็ไม่ค่อยถนัด แถมชอบไอซะด้วยซิ  แต่ไหนแต่ไรก็ไม่อยากจะไอ พอตอนหมอเย็บจมูก เกิดมีอาการจะไอให้ได้ จึงเกิดอาการสู้กัน  ก็ต้องใช้วิธีหายใจทางปากช่วย  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกั้นไว้นาน ๆ  แล้วปล่อยออกช้า ๆ  ก็คือทำลมปราณนั่นเอง ดีว่าเคยฝึกเป็นประจำอยู่แล้ว วิธีนี้ก็ช่วยคลายความเจ็บปวดได้เหมือนกันนะ.....

พอกลับถึงบ้าน  ฉันไม่รีรอให้พวกปีศาจเขาได้พักเลยล่ะ  รีบเชิญพระแม่กวนอิมพันมือมาอีกครั้งหนึ่ง  ท่านก็มาอีก ตอนนั้นเป็นเวลาดึกแล้ว ประมาณ ๔ ทุ่มเศษ ๆ  พระแม่กวนอิมพันมือได้จัดการปราบแบบไม่ไว้หน้าเลยทีนี้  ท่านเอาจริงด้วย  พวกเขาก็เผ่นกันอีกตามระเบียบ.... แต่ก่อนที่จะเผ่นก็เล่นงานจมูกฉันพังอีกข้างหนึ่ง  ดูซิ....แกอาฆาตขนาดไหน  ในที่สุดฉันก็ต้องไปให้หมอเย็บจมูกอีกในวันรุ่งขึ้น ก็หมดแรงไปอีกครั้ง

นับตั้งแต่นั้นมา  ก็ไม่มีปรากฏการณ์ตื่นเต้นเช่นนี้อีกเลย  เพราะพวกผีปีศาจฝรั่งทั้งหลาย เขาคงจะรู้จักสรรพคุณ สรรพฤทธิ์และสรรพเดชของพระแม่กวนอิมพันเนตรพันกรครั้งนี้แหละ....เป็นอันว่าเรื่องนี้ก็จบลงด้วยการแพ้และเพียบด้วยกันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ.....และนับแต่นั้นมา เราก็เลยต้องไปโบสถ์ฝรั่งบ้าง  ถ้ามีเวลาว่าง ๆ  ไปสวดให้ผีฝรั่งฟังกัน และนั่งเจริญสมาธิในโบสน์  เสร็จแล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้พวกผีและปีศาจกัน  เมื่อพวกเขามีความสุข เขาก็ไม่ไปเที่ยวรบกวนขอบุญหรือกินเลือดมนุษย์....น่าสงสารพวกผีฝรั่งเน๊าะ  เพราะอดอยากเหลือเกิน  เป็นชาวพุทธถ้าไม่หมั่นฟังธรรม สวดมนต์ภาวนา รักษาศีล ทำบุญทำทาน ก็จะต้องเป็นผีอดอยากเหมือนผีปีศาจฝรั่งได้เหมือนกันนะ...ฉะนั้นจึงไม่ควรใช้ชีวิตอย่างประมาทผ่านไปวัน ๆ

บทความนี้ก็คงจะต้องขอยุติไว้เพียงแค่นี้นะคะ....ขอท่านผู้อ่านใคร่พิจารณาด้วยเหตุและผลว่าสมควรเชื่อหรือไม่  อย่าได้เชื่อโดยปราศจากการพิจารณาไตร่ตรอง   และฉันหวังว่าท่านผู้อ่าน คงจะได้รับประโยชน์และข้อคิดจากบทความนี้พอสมควร.....แล้วพบกันในบทความใหม่ต่อไปนะคะ