วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

งานบูชาประจำปีของชาวฮินดู

เครื่องบูชาพระแมศรีมหาอุมาเทวี
สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่าน หวังว่าทุกท่านคงสบายดีนะคะ...วันนี้มีสาระเกี่ยวกับกิจกรรมของชาวฮินดูมาเล่าสู่่กันฟังอีก  เมื่อวานฉันและสามีได้ไปร่วมงานบูชาพิเศษ ในเดือนสิงหาคมทั้งเดือนของทุกปี ที่วัดฮินดูเขาจะจัดพิธีบูชาพิเศษ ด้วยการร้องเพลง "ภชัน" หรือจะเรียกว่า "สวดภชัน" ก็ไม่ผิด

วัดฮินดูในสวิตเซอร์แลนด์ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี จึงไม่มีการทำพิธีแห่พระศิวะ,พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี,พระพิฆเนศ เหมือนทุกปีเพราะเหตุว่า เขามีความเชื่อกันว่า เมื่อมีการย้ายองค์เทพออกจากวัดเก่า จะไม่มีการนำมาใช้ทำพิธีแบบเป็นทางการอีก และจะไม่นำเข้าไปประทับอยู่ในวัดใหม่ด้วย จะต้องรอจนวัดสร้างเสร็จสมบูรณ์ จึงจะสร้างองค์เทพขึ้นมาใหม่และเชิญมาประทับในวิหารได้ เขาจะทำที่ประทับชั่วคราวให้องค์เทพเก่าต่างหาก แต่อย่างไรก็ตาม พิธีบูชาในเทศกาลต่าง ๆ ก็คงปฏิบัติกันตามปกติอยู่


พิธีบูชา
ฉันได้ถามชาวฮินดูที่มาในงานว่า "งานบูชาอะไร" เขาตอบว่า "งานผู้หญิง"  ฟังแล้วรู้สึก งง ๆ  เลยถามต่อว่า "งั้นก็จะมีแต่ผู้หญิงไปร่วมงานใช่มั้ย"  เขาบอก "ผู้ชายก็ไปดูได้"  รู้สึกแปลกตั้งแต่แรกแล้วล่ะ พอเดินเข้าไปในบริเวณวัด ก็เห็นพวกแขกผู้ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ยืนออกันอยู่ที่ประตูวิหาร ส่วนพวกผู้หญิงก็จะเข้าไปร่วมกันร้องเพลงภชัน

การสวดภชัน
การร้องภชันนี้เป็นการร้องบูชาพระเจ้า เพื่อเป็นการแสดงความรักและความศรัทธาต่อเทพเจ้า บทสวดนี้จะเป็นภาษาสันสกฤต บรรยายแบบสรุปสั้น ๆ ว่า พระเจ้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรา การร้องหรือสวดภชันก็ใ เพื่อให้มีพระนามของเทพพระเจ้าประทับอยู่ที่กายและใจ เพื่อเป็นการสร้างพลังแห่งความสะอาดบริสุทธิ์ให้กับโลกและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราด้วย นอกจากนั้น ยังเป็นการสวด เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตด้วย  ถ้าผู้ร้อง ๆ ด้วยความจริงใจตั้งใจ ก็จะได้ความเมตตาจากพระเจ้าในสิ่งที่ตนปรารถนา

อาหารงานบูชา
ระหว่างที่มีการสวดภชัน พวกสุภาพสตรีสูงอายุจะต้องยืนเพื่อให้ความเคารพแก่พระเจ้าตลอดจนจบ  พอเปลี่ยนคนร้องนำใหม่ก็จะมีการนั่งพัก จะเห็นว่าชาวฮินดูมีความเชื่อและศรัทธาในองค์เทพเจ้าของเขามาก และจะปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเสมอ ระหว่างทำพิธีจะสำรวมกายวาจาดีมาก ๆ การบูชาไฟเป็นสิ่งสำคัญมาก ใคร ๆ ก็กลัวว่าจะไม่ได้เข้าไปบูชาไฟ ก็จะรีบแย่งกันเข้าไปอยู่ในแถวหน้าเพื่อที่จะได้บูชาก่อน ตอนนี้ก็จะไม่ค่อยน่าดูเท่าไรนัก  เพราะเหตุว่าขาดการสำรวมทุกอย่างเลย  พวกเขาไม่ได้เน้นเรื่องการฝึก เจริญ"สติสัมปชัญญะ" เหมือนในศาสนาพุทธ ซึ่งมีการประพฤติและปฏิบัติต่างกันมาก การได้ไปร่วมพิธีกับพวกชาวฮินดู ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์แปลกอย่างหนึ่งและเป็นกุศลวิบากทางตา ท่านผู้อ่านได้อ่านบทความนี้  ก็แสดงว่าท่านก็มีกุศลวิบากทางตาเช่นเดียวกับฉัน ถ้าเราเข้าใจตามความเป็นจริงที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรมะ" ศาสนาต่าง ๆ ก็เป็นธรรมะ เราก็จะสามารถร่วมกิจกรรมได้ทุกศาสนาโดยไม่ติดข้องในสมมติบัญญัติเลย

โอม ศักติ โอม
โอม เจ มา ตา กี ขอชัยชนะจงมีแด่พระแม่ศรีอุมาเทวี