สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน หวังว่าคงสบายดีนะคะ วันนี้ก็มีเรื่องใหม่แปลกมาเล่าสู่ฟังอีก เป็นเรื่องจากประสบการณ์ทางจิต เรื่องเกี่ยวกับโลกทิพย์โลกวิญญาณนี้เล่าเท่าไรก็ไม่จบ เพราะตราบใดที่จิตยังทำกิจเป็นปรกติอยู่ จิตที่เคยฝึกอบรมความสงบจนมีกำลังตั้งมั่นแน่วแน่ ย่อมสามารถสื่อกับโลกวิญญาณได้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่การฝึกก็ต้องมีวิธีฝึกที่ถูกต้อง ใช่ว่าคิดอยากจะฝึกอย่างไรก็ได้หรือทำแบบส่งเดช ถ้าทำอย่างนั้นเสียเวลาและไร้ประโยชน์ ควรศึกษาตำราเป็นแนวทางและถามผู้รู้หรือครูบาอาจารย์ผู้มีประสบการณ์ทางด้านการเจริญสมถกรรมฐาน ควรศึกษาให้เข้าใจเสียก่อนและจึงลงมือปฏิบัติด้วยความศรัทธาและตั้งใจมั่นด้วย จึงจะปฏิบัติไม่ผิดทาง เพราะเหตุว่าถ้าปฏิบัติเริ่มต้นผิด ๆ ก็จะผิดไปตลอด นั่นเรียกว่า "หลงทาง" ก็ไม่ตรงตามจุดประสงค์ คือจะไม่ได้ความสงบให้แก่จิตเลย
ทีนี้ก็มาเข้าสู่เรื่องเกี่ยวกับ "แม่พระปฐพีและแม่พระธรณี" ดีกว่านะ คำสองคำนี้มีความหมายเหมือนกัน คือหมายถึง "แผ่นดิน" ทุกท่านก็คงจะคิดว่า "แม่พระธรณีและแม่พระปฐพี" เป็นเทวดาท่านเดียวกัน เมื่อก่อนฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่พอสื่อและพูดคุยกับท่านได้ด้วยตนเองแล้ว จึงได้ทราบว่า ท่านมีชื่อต่างกันเพราะทำหน้าที่แตกต่างกัน แม่ปฐพีเป็นเทวดาที่ทำหน้าที่รับผิดชอบระดับใหญ่กว่าแม่พระธรณี แม่พระปฐพีดูแลรับผิดชอบคุ้มครองโลกและแผ่นดินทั้งหมด ท่านผู้ใดอาศัยแผ่นดินท่ากินและอยู่อาศัย แล้วไม่กระทำความดีต่อแผ่นดินหรือไม่รู้จักกตัญญููต่อผู้มีพระคุณ หรือคิดทำลายแผ่นดิน ทำลายประเทศชาติ หรือคิดทำลายผู้มีประโยชน์ต่อโลกหรือต่อประเทศชาติ ก็จะโดนแม่พระปฐพีลงโทษ ตังตัวอย่างในสมัยพุทธกาลเช่น พระเทวทัตที่คิดจะทำลายพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ในที่สุดก็โดนแม่พระธรณีสูบ แม่พระธรณีนั้น ทำหน้าทีดูแลแผ่นดินเฉพาะที่ เช่นสถานที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน และสถานที่ต่าง ๆ ทั้งของส่วนบุคคลและของสาธารณสมบัติ บ้านและสถานที่แต่ละแห่งก็จะมีแม่พระธรณีคอยดูแลคุ้มครองอยู่
นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวเลยนะ บางคนอาจจะคิดว่าตนเองมีบ้านอยู่คนเดียว จะทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครเห็นใครว่า ปล่อยบ้านช่องห้องหับเลอะเทอะ หรือปล่อยสวนให้รกเป็นป่าดงดิบ ระวังนะคะ..ท่านจะโดนเทวดาตักเตือน จะต้องสะดุ้งตื่นตอนดึก ฉันเคยโดนมาแล้ว บางครั้งฉันขี้เกียจกวาดใบไม้ในสวน ขี้เกียจน้อย ๆ ไม่เป็นไร แต่บ่อย ๆ ปล่่อยทิ้งไว้เป็นสัปดาห์ เทวดาคงดูใจมานานแล้ว ท่านไม่ชอบความสกปรกรกรุงรัง ชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย ท่านทนดูไม่ได้ ในที่สุดตอนดึกท่านมาเยือน ไม่ตักเตือนก่อนนะ มาดุเลยล่ะ ดุจริง ๆ นะ เจออย่างนี้ใครก็ต้องกลัว ถึงกะสะดุ้งตื่น ท่านหาว่าเราไม่ทำความสะอาดสวน จะว่าไปก็จริงของท่าน บางครั้งอากาศร้อน ๆ ก็ไม่ไหวต้องรอให้ร่ม ๆ เย็น ๆ ถึงจะทำงานสวน.....พอโดนเทวดามาดุให้ จากนั้นมาก็ต้องระวังเรื่องความสะอาดทั้งในบ้านนอกบ้าน ไม่เช่นนั้นก็จะโดนเทวดามาบ่นให้ฟังอีก ท่านเอาเรื่องกับมนุษย์ก็คงเพราะว่าอยากจะให้มนุษย์พยายามกระทำแต่สิ่งที่ดี ๆ
เทวดาท่านรักสวยรักงามรักความสะอาด และถ้าสะอาดกายสะอาดใจด้วยยิ่งดี ต้องขยันสวดมนต์ ฟังธรรมประพฤติธรรมตามกาล เพราะว่าเทวดาก็ต้องการสร้างบารมีเพื่่อที่จะออกจากสังสารวัฏ เมื่อท่านได้มาสร้างบารมีกับเรา ท่านก็จะมีพลังที่จะช่วยเราได้ในกรณีที่เราเดือดร้อนกายและใจ ถ้าเราศรัทธาท่านด้วยใจจริง เพียงแค่นึกถึงท่าน ๆ ก็สามารถช่วยคลี่คลายปัญหาจากหนักให้เป็นเบาได้
มีตัวอย่างเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับลูกชายฉัน เมื่อปีที่แล้วเขาไปเรียนภาษาอังกฤษอยู่ที่ลอสแอลเจลิส วันหนึ่งในเวลาเช้าได้มีแม่พระปฐพีมาบอกกับฉันว่า ให้บอกกับลูกชายว่า อย่าออกนอกบ้านตั้งแต่บ่ายวันนี้ จนถึงเที่ยงคืน ไปโรงเรียนแล้วให้ตรงกลับที่พักทันที ลูกชายฉันก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คือหลังเลิกเรียนแล้วก็กลับบ้าน เขาอยูู่ที่พักจนถึงสี่ทุ่ม ในที่สุดก้เกิดเรื่องจนได้ ทั้ง ๆ ที่ระวังแล้วน่ะ อะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด ไม่มีใครบังคับบัญชาได้ เพราะเหตุว่าเป็นผลของกรรม ที่ได้กระทำไว้แล้ว เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมที่จะเกิด ก็ไม่มีใครห้ามไว้ได้ แต่ก็สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ นี่หากว่าแม่พระปฐพีไม่ได้มาบอกเตือนล่วงหน้าก่อน ลูกชายฉันคงจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนข้างนอก ตามที่เขานัดกันไว้แล้ว เขาก็อาจจะได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้ เหตุเกิดกับเขาในค่ำวันนั้น ก็คือว่าอยู่ดี ๆ ก็เดินไปสะดุดกีต้าและสายเอ็นมันบาดนิ้วเท้า บาดลึกพอสมควรมีเลือดออกมาก แต่ก็ยังนับว่าเป็น "โชคดีในโชคร้าย" ยังไม่ถึงกับแย่มาก
การปฏิบัติต่อแม่ปฐพีหรือแมธรณี ควรกระทำอย่างไรจึงจะถูกต้อง ท่านคงสงสัยว่าทำอย่างไรดี....ทำง่าย ๆ จ๊ะ เช่น เวลาจะมีการเลี้ยงพระทำบุญที่บ้าน, จัดสังสรรค์กับคนอื่นในบ้านหรือในบริเวณบ้าน ควรบอกกล่าวให้แม่พระธรณีที่บ้านทราบก่อน จะเป็นการดีและจะไม่เกิดอุปสรรคใด ๆ .... เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหน ก็ควรบอกกล่าวขอบารมีแม่พระปฐพี ช่วยคุ้มครองป้องกันภยันตราย หรือว่าเวลาจะไปสมัครงาน ก็ขอแม่พระธรณีของสถานที่นั้นช่วย ขอให้ได้เข้าทำงาน นี่ก็แล้วแต่จะพูดกล่าวกันเอง บางคนพูดคุยกับเทวดาเก่ง เพราะพูดกันเป็นประจำทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นตัวตนเลย แต่ความเชื่อมีผลนะคะ เพราะเทวดาท่านเห็นเรา ท่านได้ยินเราพูด เราทำอะไรไม่ดีไว้ คนอื่นไม่เห็นแต่เทวดาเห็นหมด แม้แต่คิดท่านก็รู้ว่าเราคิดดีหรือคิดร้ายด้วย เห็นมั็ยค่ะ แค่คิดไม่ดีก็ขาดทุนแล้ว เราท่านทั้งหลายยังไม่บรรลุธรรมขั้นสูงในชาตินี้และอีกหลาย ๆ ชาติอย่างแน่นอน เพราะเหตุว่าพระธรรมเป็นเรื่องละเอียดมาก ต้องใช้เวลาการศึกษาแบบต่อเนื่องหลายภพหลายชาติจึงจะสำเร็จได้ การที่จะบรรลุธรรมแค่ขั้นพระโสดาบันก็ยากยิ่งนัก
เพราะฉะนั้น เราก็จำเป็นที่จะต้องอาศัยพึ่งพาบารมีเทวดาบ้างในบางกรณี เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลไปก่อน จนกว่าจิตของเราจะได้รับการฝึกอบรมขัดเกลา จนเกิดสติปัญญาสามารถเป็นที่พึ่งแก่ตนเองได้ ถึงกระนั้นบางครั้งเราก็ยังต้องการให้เทวดาคุ้มครองภยันตรายให้เราเหมือนกัน จะได้อุ่นใจ ไปไหนคนเดียวก็นึกถึงเทวดาก็ปลอดภัยขั้นหนึ่งเรา นี่ก็เป็นแค่กำลังใจเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่มีใครใหญ่เกินกรรมไปได้หรอก......ทางที่ดีที่สุดก็พยายามทำแต่กุศลกรรม สะสมเพื่อเป็นอุปนิสัยต่อไปในภายภาคหน้า จะได้ไม่เสียชาติเกิด การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งทีหาดีไม่ได้ น่าอับอายเทวดา อย่ามัวแต่มุ่งมั่นในเรื่องสะสมทรัพย์ทางโลก จนลืมสะสมอริยทรัพย์ซึ่งเป็นทรัพย์ที่เราสามารถนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติ....อย่าหลงตัวจนลืมตาย อย่าหลงกายจนลืม !! .......สำหรับเรื่องนี้ก็จะขอยุติไว้เพียงแค่นี้ก่อนนะคะ แล้วพบกันอีกจ๊ะ.
ทีนี้ก็มาเข้าสู่เรื่องเกี่ยวกับ "แม่พระปฐพีและแม่พระธรณี" ดีกว่านะ คำสองคำนี้มีความหมายเหมือนกัน คือหมายถึง "แผ่นดิน" ทุกท่านก็คงจะคิดว่า "แม่พระธรณีและแม่พระปฐพี" เป็นเทวดาท่านเดียวกัน เมื่อก่อนฉันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่พอสื่อและพูดคุยกับท่านได้ด้วยตนเองแล้ว จึงได้ทราบว่า ท่านมีชื่อต่างกันเพราะทำหน้าที่แตกต่างกัน แม่ปฐพีเป็นเทวดาที่ทำหน้าที่รับผิดชอบระดับใหญ่กว่าแม่พระธรณี แม่พระปฐพีดูแลรับผิดชอบคุ้มครองโลกและแผ่นดินทั้งหมด ท่านผู้ใดอาศัยแผ่นดินท่ากินและอยู่อาศัย แล้วไม่กระทำความดีต่อแผ่นดินหรือไม่รู้จักกตัญญููต่อผู้มีพระคุณ หรือคิดทำลายแผ่นดิน ทำลายประเทศชาติ หรือคิดทำลายผู้มีประโยชน์ต่อโลกหรือต่อประเทศชาติ ก็จะโดนแม่พระปฐพีลงโทษ ตังตัวอย่างในสมัยพุทธกาลเช่น พระเทวทัตที่คิดจะทำลายพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ในที่สุดก็โดนแม่พระธรณีสูบ แม่พระธรณีนั้น ทำหน้าทีดูแลแผ่นดินเฉพาะที่ เช่นสถานที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน และสถานที่ต่าง ๆ ทั้งของส่วนบุคคลและของสาธารณสมบัติ บ้านและสถานที่แต่ละแห่งก็จะมีแม่พระธรณีคอยดูแลคุ้มครองอยู่
นี่ก็แสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวเลยนะ บางคนอาจจะคิดว่าตนเองมีบ้านอยู่คนเดียว จะทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครเห็นใครว่า ปล่อยบ้านช่องห้องหับเลอะเทอะ หรือปล่อยสวนให้รกเป็นป่าดงดิบ ระวังนะคะ..ท่านจะโดนเทวดาตักเตือน จะต้องสะดุ้งตื่นตอนดึก ฉันเคยโดนมาแล้ว บางครั้งฉันขี้เกียจกวาดใบไม้ในสวน ขี้เกียจน้อย ๆ ไม่เป็นไร แต่บ่อย ๆ ปล่่อยทิ้งไว้เป็นสัปดาห์ เทวดาคงดูใจมานานแล้ว ท่านไม่ชอบความสกปรกรกรุงรัง ชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย ท่านทนดูไม่ได้ ในที่สุดตอนดึกท่านมาเยือน ไม่ตักเตือนก่อนนะ มาดุเลยล่ะ ดุจริง ๆ นะ เจออย่างนี้ใครก็ต้องกลัว ถึงกะสะดุ้งตื่น ท่านหาว่าเราไม่ทำความสะอาดสวน จะว่าไปก็จริงของท่าน บางครั้งอากาศร้อน ๆ ก็ไม่ไหวต้องรอให้ร่ม ๆ เย็น ๆ ถึงจะทำงานสวน.....พอโดนเทวดามาดุให้ จากนั้นมาก็ต้องระวังเรื่องความสะอาดทั้งในบ้านนอกบ้าน ไม่เช่นนั้นก็จะโดนเทวดามาบ่นให้ฟังอีก ท่านเอาเรื่องกับมนุษย์ก็คงเพราะว่าอยากจะให้มนุษย์พยายามกระทำแต่สิ่งที่ดี ๆ
เทวดาท่านรักสวยรักงามรักความสะอาด และถ้าสะอาดกายสะอาดใจด้วยยิ่งดี ต้องขยันสวดมนต์ ฟังธรรมประพฤติธรรมตามกาล เพราะว่าเทวดาก็ต้องการสร้างบารมีเพื่่อที่จะออกจากสังสารวัฏ เมื่อท่านได้มาสร้างบารมีกับเรา ท่านก็จะมีพลังที่จะช่วยเราได้ในกรณีที่เราเดือดร้อนกายและใจ ถ้าเราศรัทธาท่านด้วยใจจริง เพียงแค่นึกถึงท่าน ๆ ก็สามารถช่วยคลี่คลายปัญหาจากหนักให้เป็นเบาได้
มีตัวอย่างเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับลูกชายฉัน เมื่อปีที่แล้วเขาไปเรียนภาษาอังกฤษอยู่ที่ลอสแอลเจลิส วันหนึ่งในเวลาเช้าได้มีแม่พระปฐพีมาบอกกับฉันว่า ให้บอกกับลูกชายว่า อย่าออกนอกบ้านตั้งแต่บ่ายวันนี้ จนถึงเที่ยงคืน ไปโรงเรียนแล้วให้ตรงกลับที่พักทันที ลูกชายฉันก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คือหลังเลิกเรียนแล้วก็กลับบ้าน เขาอยูู่ที่พักจนถึงสี่ทุ่ม ในที่สุดก้เกิดเรื่องจนได้ ทั้ง ๆ ที่ระวังแล้วน่ะ อะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิด ไม่มีใครบังคับบัญชาได้ เพราะเหตุว่าเป็นผลของกรรม ที่ได้กระทำไว้แล้ว เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมที่จะเกิด ก็ไม่มีใครห้ามไว้ได้ แต่ก็สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ นี่หากว่าแม่พระปฐพีไม่ได้มาบอกเตือนล่วงหน้าก่อน ลูกชายฉันคงจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนข้างนอก ตามที่เขานัดกันไว้แล้ว เขาก็อาจจะได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้ เหตุเกิดกับเขาในค่ำวันนั้น ก็คือว่าอยู่ดี ๆ ก็เดินไปสะดุดกีต้าและสายเอ็นมันบาดนิ้วเท้า บาดลึกพอสมควรมีเลือดออกมาก แต่ก็ยังนับว่าเป็น "โชคดีในโชคร้าย" ยังไม่ถึงกับแย่มาก
การปฏิบัติต่อแม่ปฐพีหรือแมธรณี ควรกระทำอย่างไรจึงจะถูกต้อง ท่านคงสงสัยว่าทำอย่างไรดี....ทำง่าย ๆ จ๊ะ เช่น เวลาจะมีการเลี้ยงพระทำบุญที่บ้าน, จัดสังสรรค์กับคนอื่นในบ้านหรือในบริเวณบ้าน ควรบอกกล่าวให้แม่พระธรณีที่บ้านทราบก่อน จะเป็นการดีและจะไม่เกิดอุปสรรคใด ๆ .... เวลาจะเดินทางไปไหนมาไหน ก็ควรบอกกล่าวขอบารมีแม่พระปฐพี ช่วยคุ้มครองป้องกันภยันตราย หรือว่าเวลาจะไปสมัครงาน ก็ขอแม่พระธรณีของสถานที่นั้นช่วย ขอให้ได้เข้าทำงาน นี่ก็แล้วแต่จะพูดกล่าวกันเอง บางคนพูดคุยกับเทวดาเก่ง เพราะพูดกันเป็นประจำทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเห็นตัวตนเลย แต่ความเชื่อมีผลนะคะ เพราะเทวดาท่านเห็นเรา ท่านได้ยินเราพูด เราทำอะไรไม่ดีไว้ คนอื่นไม่เห็นแต่เทวดาเห็นหมด แม้แต่คิดท่านก็รู้ว่าเราคิดดีหรือคิดร้ายด้วย เห็นมั็ยค่ะ แค่คิดไม่ดีก็ขาดทุนแล้ว เราท่านทั้งหลายยังไม่บรรลุธรรมขั้นสูงในชาตินี้และอีกหลาย ๆ ชาติอย่างแน่นอน เพราะเหตุว่าพระธรรมเป็นเรื่องละเอียดมาก ต้องใช้เวลาการศึกษาแบบต่อเนื่องหลายภพหลายชาติจึงจะสำเร็จได้ การที่จะบรรลุธรรมแค่ขั้นพระโสดาบันก็ยากยิ่งนัก
เพราะฉะนั้น เราก็จำเป็นที่จะต้องอาศัยพึ่งพาบารมีเทวดาบ้างในบางกรณี เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลไปก่อน จนกว่าจิตของเราจะได้รับการฝึกอบรมขัดเกลา จนเกิดสติปัญญาสามารถเป็นที่พึ่งแก่ตนเองได้ ถึงกระนั้นบางครั้งเราก็ยังต้องการให้เทวดาคุ้มครองภยันตรายให้เราเหมือนกัน จะได้อุ่นใจ ไปไหนคนเดียวก็นึกถึงเทวดาก็ปลอดภัยขั้นหนึ่งเรา นี่ก็เป็นแค่กำลังใจเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่มีใครใหญ่เกินกรรมไปได้หรอก......ทางที่ดีที่สุดก็พยายามทำแต่กุศลกรรม สะสมเพื่อเป็นอุปนิสัยต่อไปในภายภาคหน้า จะได้ไม่เสียชาติเกิด การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ทั้งทีหาดีไม่ได้ น่าอับอายเทวดา อย่ามัวแต่มุ่งมั่นในเรื่องสะสมทรัพย์ทางโลก จนลืมสะสมอริยทรัพย์ซึ่งเป็นทรัพย์ที่เราสามารถนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติ....อย่าหลงตัวจนลืมตาย อย่าหลงกายจนลืม !! .......สำหรับเรื่องนี้ก็จะขอยุติไว้เพียงแค่นี้ก่อนนะคะ แล้วพบกันอีกจ๊ะ.