วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตุ๊กตาผีสิง

เรื่องตุ๊กตาผีสิง เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวฉันเอง  เมื่อต้นปี ค.ศ.2002  ทุก ๆ  ต้นปีฉันจะต้องไปตรวจสุขภาพร่างกายอย่างละเอียด เพื่อความไม่ประมาท  ผลการตรวจร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ  นับว่าโชคดีเหมือนได้ "ลาภอันประเสริฐ" พอวันรุ่งขึ้นมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เกิดขึ้นกับฉันอย่างไม่น่าเชื่อ ลาภอันประเสริฐ ได้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว นี่แหละหนา" สัพเพ  ธัมมา อนิจจา" ธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง พระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ  เป็นสัจจธรรม มีความสุขไม่นาน  แล้วความสุขนั้นก็ดับไป  ความทุกข์ก็เข้ามาแทนที่  เขามาโดยที่เราไม่ต้องเชิญ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเพราะมีเหตุปัจจัยพร้อมแล้วจึงเกิด ทุกอย่างเกิดเพราะเหตุ  เราไม่สามารถบังคับบัญชา ให้เป็นไปตามที่เราปรารถนาได้เลย  เพราะทุกอย่างเป็นธรรมะ

หลังจากไปตรวจสุขภาพมาแล้ว วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ฉันรับประทานอาหารเช้าแล้ว ได้มีอาการปวดท้องอย่างกระทันหัน เริ่มแรกรู้สึกปวดนิด ๆ  ปวดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  รับประทานยาแก้ปวดแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเราลง กลับยิ่งปวดมากกว่าเดิม และท้องก็บวมขึ้นจนแข็งกดไปลง  ยืนหรือนั่งก็ไม่ได้ ต้องนอนท่าเดียว อาการหนักเหมือนคนท้องจะคลอด  ฉันปวดทรมานมากจนเหงื่อกาฬแตก สามีและลูก ๆ นั่งล้อมเตียง มองดูด้วยความตกใจกลัว และทำอะไรไม่ถูก ฉันคิดว่าตนเองคงต้องตายแน่ ๆ  ไม่รอดแน่แล้ว จึงได้สั่งทุกคนให้ทำใจ  ยังไง ๆ หมอก็ช่วยไม่ได้  เพราะมีอาการแน่นหน้าอกมากขึ้น ๆ  สามีเห็นอาการแย่ขึ้น จึงรีบโทรหาหมอ ๆ ตกใจมากที่อยู่ ๆ เป็นโรคปวดท้องอย่างรุนแรง  เมื่อวานนี้เช๊คสุขภาพก็ปกติดีทุกอย่าง  สามีเลยให้ฉันพูดกับหมอเอง เพราะหมออาจจะไม่เชื่อว่าฉันป่วยหนักจริง  ฉันก็รีบรับโทรศัพท์มาพูด "สวัสดีค่ะ คุณหมอ"  หมอถาม "เกิดอะไรขึ้นกับคุณ"  "คุณหมอ...ฉันปวดท้องจะตายอยู่แล้ว ท้องฉันแข็งและโตมาก  ฉันไม่ไหวแล้ว"  พอฉันรายงานเสร็จ  หมอบอกว่าให้ไปคลีนิกด่วน

ฉันรู้สึกดีใจมาก พอทราบว่าจะได้ไปหาหมอ สามีและลูกสาวได้ช่วยกันจับฉันแต่งตัว รีบสวมเสื้อโค้ตและสวมรองเท้าบู้ทให้ฉันอย่างทะลักทุเลมาก เพราะช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว ฉันถูกพยุงกายขนาบซ้ายขวา พาไปขึ้นรถ  ที่จอดรอรับอยู่หน้าบ้าน   ใช้เวลานั่งรถประมาณ ๑๐ นาที ก็ถึงคลีนิก ระหว่างที่นั่งรถไปหาหมอ รู้สึกว่าอาการปวดเริ่มลดลงและท้องก็เริ่มอ่อนลง  พอลงรถรู้สึกท้องยุบเป็นปกติ  แต่ก็ยังปวดอยู่นิด ๆ  เราต้องขึ้นลิฟไปชั้นที่ ๖ ขณะอยู่ในลิฟ ฉันมีความรู้สึกว่าดีใจมาก และอยากจะหัวเราะเหมือนกับว่าขำอะไรสักอยาก แต่แยกไม่ออกบอกไม่ถูก ว่ามันคืออะไรกันแน่  สามีกับลูกสาวก็งงงันตาม ๆ กัน ที่เห็นอาการปวดและท้องที่โตมาก ๆ หายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านั้นเหมือนกับจะตายซะให้ได้  


พอเจอหน้าหมอ ๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย  ฉันรีบพูดก่อนทันทีว่า "คุณหมอรู้จักฉันมั้ย ดูหน้าฉันให้ดีซิ" หมอก็มองหน้าฉันด้วยสีหน้างงแบบขำ ๆ ฉันเองก็ขำเหมือนกัน (ขำอยู่ข้างใน) ฉันได้ยินลูกสาวและสามีห้ามฉันว่า "มาม้าอย่าพูดอย่างนั้น" ฉันรีบพูดต่ออีกว่า "คุณเป็นหมอที่เก่งแต่คุณไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จในอาชีพหมอหรอกนะ"  หมอก็ถามว่า "เพราะอะไร"  "คุณต้องเอาตุ๊กตาแอฟริกาท้องโตที่ตั้งอยู่บนหลังตู้ออกจากคลีนิกก่อนซิ"  หมอตอบ "ฉันไม่มีที่ไว้ ๆ ที่บ้านไม่ได้  เพราะภรรยาฉันไม่ชอบของเหล่านี้" พอหมอพูดจบ ฉันได้รู้สึกว่า อาการทุกอย่างที่ทรมานแทบตาย ปรากฏว่าหายเป็นปลิดทิ้งเลย  เป็นอันว่าทุกคนต่างก็ได้เจอ "แปลกแต่จริง" โดยเฉพาะหมอตื่นเต้นมากจนแขนเสื้อใต้รักแร้เปียกหมด  เราก็ลาคุณหมอกลับบ้านโดยที่ไม่ได้ตรวจเช็คอะไรเลย

เพิ่งจะหายงงกันก็ตอนที่  ผีบอกว่า "ให้เอาตุ๊กตาไม้แอฟริกาออกจากคลีนิก"  ฉันนึกออกแล้วว่า วันที่ไปเช็คสุขภาพ ฉันมองไปที่ตุ๊กตาตัวนั้น  แล้วก็นึกในใจว่า "ทำไมเขาเอาตุ๊กตามาไว้ในคลีนิกนะ"  ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่คิดเท่านั้นเอง จิตกับวิญาณต่างภพกัน สามารถสื่อกันได้ เรื่องของเรื่องก็คือว่า วิญญาณที่สิงอยู่ในตุ๊กตาที่หมอเอามาจากอัฟริกาตัวนี้  คงจะตายทั้งกลม และคงจะทุกข์มาก ๆ เพราะจิตก่อนตายยึดอยู่ที่ทุกขเวทนา เมื่อเกิดเป็นผี ก็ยังมีทุกขเวทนาเหมือนกับตอนก่อนตายด้วย   เขาคงอยากจะไปอยู่ที่อื่น เลยอาศัยให้ฉันเป็นสื่อให้  จะสื่อกันดี ๆ ก็ไม่ได้เน๊าะ  ดีว่าดวงชะตาของฉันยังไม่ถึงกับซวยมาก  งานนี้ฉันก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติมว่า "ผี" มีจริง ผีตายโหงหรือผีที่ตายก่อนถึงเวลา ก็จะเป็นผีเร่ร่อนหาที่อยู่ โดยอาศัยอยู่ตามวัตถุต่าง ๆ หรือตามร่างคนที่เจ็บป่วยก็ได้  ก็แล้วแต่ดวง  ผีทำให้คนเจ็บป่วยกระทันหันได้ด้วย  หลังจากนั้น  ฉันก็ได้สวดมนต์และเจริญสมาธิ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผีท้องโตตนนี้  จากนั้นมา พอไปคลีนิก  ผีตนนั้นก็ไม่ตามมาอีกเลย  เขาอาจจะเปลี่ยนที่อยู่ใหม่แล้วก็อาจเป็นไปได้  เรื่องนี้ก็ตื่นเต้นแทบแย่ตาม ๆ กัน