เรื่องตุ๊กตาผีสิง เป็นเรื่องจริงที่เกิดกับตัวฉันเอง เมื่อต้นปี ค.ศ.2002 ทุก ๆ ต้นปีฉันจะต้องไปตรวจสุขภาพร่างกายอย่างละเอียด เพื่อความไม่ประมาท ผลการตรวจร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ นับว่าโชคดีเหมือนได้ "ลาภอันประเสริฐ" พอวันรุ่งขึ้นมีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เกิดขึ้นกับฉันอย่างไม่น่าเชื่อ ลาภอันประเสริฐ ได้อันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว นี่แหละหนา" สัพเพ ธัมมา อนิจจา" ธรรมทั้งหลายไม่เที่ยง พระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ เป็นสัจจธรรม มีความสุขไม่นาน แล้วความสุขนั้นก็ดับไป ความทุกข์ก็เข้ามาแทนที่ เขามาโดยที่เราไม่ต้องเชิญ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดเพราะมีเหตุปัจจัยพร้อมแล้วจึงเกิด ทุกอย่างเกิดเพราะเหตุ เราไม่สามารถบังคับบัญชา ให้เป็นไปตามที่เราปรารถนาได้เลย เพราะทุกอย่างเป็นธรรมะ
หลังจากไปตรวจสุขภาพมาแล้ว วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ฉันรับประทานอาหารเช้าแล้ว ได้มีอาการปวดท้องอย่างกระทันหัน เริ่มแรกรู้สึกปวดนิด ๆ ปวดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รับประทานยาแก้ปวดแล้ว ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเราลง กลับยิ่งปวดมากกว่าเดิม และท้องก็บวมขึ้นจนแข็งกดไปลง ยืนหรือนั่งก็ไม่ได้ ต้องนอนท่าเดียว อาการหนักเหมือนคนท้องจะคลอด ฉันปวดทรมานมากจนเหงื่อกาฬแตก สามีและลูก ๆ นั่งล้อมเตียง มองดูด้วยความตกใจกลัว และทำอะไรไม่ถูก ฉันคิดว่าตนเองคงต้องตายแน่ ๆ ไม่รอดแน่แล้ว จึงได้สั่งทุกคนให้ทำใจ ยังไง ๆ หมอก็ช่วยไม่ได้ เพราะมีอาการแน่นหน้าอกมากขึ้น ๆ สามีเห็นอาการแย่ขึ้น จึงรีบโทรหาหมอ ๆ ตกใจมากที่อยู่ ๆ เป็นโรคปวดท้องอย่างรุนแรง เมื่อวานนี้เช๊คสุขภาพก็ปกติดีทุกอย่าง สามีเลยให้ฉันพูดกับหมอเอง เพราะหมออาจจะไม่เชื่อว่าฉันป่วยหนักจริง ฉันก็รีบรับโทรศัพท์มาพูด "สวัสดีค่ะ คุณหมอ" หมอถาม "เกิดอะไรขึ้นกับคุณ" "คุณหมอ...ฉันปวดท้องจะตายอยู่แล้ว ท้องฉันแข็งและโตมาก ฉันไม่ไหวแล้ว" พอฉันรายงานเสร็จ หมอบอกว่าให้ไปคลีนิกด่วน
ฉันรู้สึกดีใจมาก พอทราบว่าจะได้ไปหาหมอ สามีและลูกสาวได้ช่วยกันจับฉันแต่งตัว รีบสวมเสื้อโค้ตและสวมรองเท้าบู้ทให้ฉันอย่างทะลักทุเลมาก เพราะช่วงนั้นเป็นฤดูหนาว ฉันถูกพยุงกายขนาบซ้ายขวา พาไปขึ้นรถ ที่จอดรอรับอยู่หน้าบ้าน ใช้เวลานั่งรถประมาณ ๑๐ นาที ก็ถึงคลีนิก ระหว่างที่นั่งรถไปหาหมอ รู้สึกว่าอาการปวดเริ่มลดลงและท้องก็เริ่มอ่อนลง พอลงรถรู้สึกท้องยุบเป็นปกติ แต่ก็ยังปวดอยู่นิด ๆ เราต้องขึ้นลิฟไปชั้นที่ ๖ ขณะอยู่ในลิฟ ฉันมีความรู้สึกว่าดีใจมาก และอยากจะหัวเราะเหมือนกับว่าขำอะไรสักอยาก แต่แยกไม่ออกบอกไม่ถูก ว่ามันคืออะไรกันแน่ สามีกับลูกสาวก็งงงันตาม ๆ กัน ที่เห็นอาการปวดและท้องที่โตมาก ๆ หายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านั้นเหมือนกับจะตายซะให้ได้
พอเจอหน้าหมอ ๆ ยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย ฉันรีบพูดก่อนทันทีว่า "คุณหมอรู้จักฉันมั้ย ดูหน้าฉันให้ดีซิ" หมอก็มองหน้าฉันด้วยสีหน้างงแบบขำ ๆ ฉันเองก็ขำเหมือนกัน (ขำอยู่ข้างใน) ฉันได้ยินลูกสาวและสามีห้ามฉันว่า "มาม้าอย่าพูดอย่างนั้น" ฉันรีบพูดต่ออีกว่า "คุณเป็นหมอที่เก่งแต่คุณไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จในอาชีพหมอหรอกนะ" หมอก็ถามว่า "เพราะอะไร" "คุณต้องเอาตุ๊กตาแอฟริกาท้องโตที่ตั้งอยู่บนหลังตู้ออกจากคลีนิกก่อนซิ" หมอตอบ "ฉันไม่มีที่ไว้ ๆ ที่บ้านไม่ได้ เพราะภรรยาฉันไม่ชอบของเหล่านี้" พอหมอพูดจบ ฉันได้รู้สึกว่า อาการทุกอย่างที่ทรมานแทบตาย ปรากฏว่าหายเป็นปลิดทิ้งเลย เป็นอันว่าทุกคนต่างก็ได้เจอ "แปลกแต่จริง" โดยเฉพาะหมอตื่นเต้นมากจนแขนเสื้อใต้รักแร้เปียกหมด เราก็ลาคุณหมอกลับบ้านโดยที่ไม่ได้ตรวจเช็คอะไรเลย
เพิ่งจะหายงงกันก็ตอนที่ ผีบอกว่า "ให้เอาตุ๊กตาไม้แอฟริกาออกจากคลีนิก" ฉันนึกออกแล้วว่า วันที่ไปเช็คสุขภาพ ฉันมองไปที่ตุ๊กตาตัวนั้น แล้วก็นึกในใจว่า "ทำไมเขาเอาตุ๊กตามาไว้ในคลีนิกนะ" ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่คิดเท่านั้นเอง จิตกับวิญาณต่างภพกัน สามารถสื่อกันได้ เรื่องของเรื่องก็คือว่า วิญญาณที่สิงอยู่ในตุ๊กตาที่หมอเอามาจากอัฟริกาตัวนี้ คงจะตายทั้งกลม และคงจะทุกข์มาก ๆ เพราะจิตก่อนตายยึดอยู่ที่ทุกขเวทนา เมื่อเกิดเป็นผี ก็ยังมีทุกขเวทนาเหมือนกับตอนก่อนตายด้วย เขาคงอยากจะไปอยู่ที่อื่น เลยอาศัยให้ฉันเป็นสื่อให้ จะสื่อกันดี ๆ ก็ไม่ได้เน๊าะ ดีว่าดวงชะตาของฉันยังไม่ถึงกับซวยมาก งานนี้ฉันก็ได้เรียนรู้เพิ่มเติมว่า "ผี" มีจริง ผีตายโหงหรือผีที่ตายก่อนถึงเวลา ก็จะเป็นผีเร่ร่อนหาที่อยู่ โดยอาศัยอยู่ตามวัตถุต่าง ๆ หรือตามร่างคนที่เจ็บป่วยก็ได้ ก็แล้วแต่ดวง ผีทำให้คนเจ็บป่วยกระทันหันได้ด้วย หลังจากนั้น ฉันก็ได้สวดมนต์และเจริญสมาธิ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผีท้องโตตนนี้ จากนั้นมา พอไปคลีนิก ผีตนนั้นก็ไม่ตามมาอีกเลย เขาอาจจะเปลี่ยนที่อยู่ใหม่แล้วก็อาจเป็นไปได้ เรื่องนี้ก็ตื่นเต้นแทบแย่ตาม ๆ กัน