วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คนธรรพ์กริ้ว

คนธรรพ์  อ่านว่า คน-ทัน จากพจนานุกรม  แปลว่า ชาวสวรรค์หรือเทวดาพวกหนึ่ง เป็นเทวดาชั้นต่ำสุด อาศัยอยู่บนโลกมนุษย์ ถือกำเนิดในต้นไม้และสิงอยู่ในต้นไม้ที่มีกลิ่นหอม  คนส่วนใหญ่จะรู้จัก "คนธรรพ์ ในนามของ "นางไม้" เช่น นางตะเคียน นางตานี  คนธรรพ์เป็นเทวดาที่อยู่ในความปกครองของ ท้าวธตรฐ ซึ่งเป็นผู้ปกครองของสวรรค์ชั่นจาตุมหาราชิกา อยู่ทางด้านทิศตะวันออก เทวดาเหล่านี้มีความสามารถทางด้านดนตรี ขับร้องฟ้อนรำ ศิลป ละคร และวรรณกรรม  เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ชอบทำบุญประกอบด้วยกามคุณมากกว่าประกอบด้วยปัญญา คนธรรพ์ยึดต้นไม้เป็นที่อยู่ของตน ถ้าผู้ใดไปตัดต้นไม้ที่มีกลิ่นหอมไปทำอะไรก็ตาม  พวกคนธรรพ์ก็จะตามไปสิงอยูในไม้นั้นด้วย เช่น   วันดีคืนดีเขาก็จะแสดงฤทธิ์ให้เจ้าของบ้านได้สัมผัส จะเจอแบบดีหรือแบบร้ายก็ต้องแล้วแต่ดวงของท่าน ต้องเจอเองจ๊ะ

ที่ฉันตั้งชื่อว่า "คนธรรพ์กริ้ว" มีเรื่องเล่าค่ะ  เมื่อ ๑๐ ปีมาแล้ว  ก่อนวันคริสต์มาสหนึ่งวัน สามีของฉันได้สั่งคนมาโค่นต้นสนซึ่งปลูกเป็นรั้วหน้าบ้าน ปลูกมาร่วมสามสิบปีแล้ว ฉันไม่ทันได้จุดธูปบอกกล่าวให้รุกขเทวดาและบรรดาคนธรรพ์ให้ทราบล่วงหน้าก่อน ถึงอย่างไรก็ตาม ฉันได้จุดธูปขอขมาไปแล้วในวันนั้น คงจะช้าไป แต่ท่านคนธรรพ์ก็ยังเฉย ๆ อยู่ ฉันคิดว่าท่านคงไม่เอาเรื่องพวกเรา  ที่ไหนได้ท่านแอบไปเล่นงานหัวหน้าช่าง ที่เราจ้างมาโค่นต้นไม้  เขาต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างกระทันหัน ด้วยโรคหัวใจวาย โชคดีไม่ถึงกับเสียชีวิต ท่านคนธรรพ์นี่กริ้วน่าดูเลย  ฉันคิดว่าท่านคงไม่โกรธเจ้าของบ้าน เพราะว่าเราต้องการจะปลูกต้นไม้ใหม่ให้ดูดีกว่าเดิม แต่เทวดาท่านไม่เข้าใจมนุษย์ แหม...โกรธอยู่หลายวันเชียว ท่านคิดบัญชีรวบยอดกับเรา ในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่  เทวดาก็ยังมีกิเลสเหมือนมนุษย์นี่แหละ ยิ่งชั้นต่ำ ๆ ยิ่งมีจิตอาฆาตพยาบาลน่ากลัวด้วยล่ะ  แต่ถ้าเราทำถูกต้อง  ท่านก็ดีต่อเราเหมือนกัน แล้วใครจะไปรู้กฏระเบียบของเทวโลกล่ะ  ตอนนั้นฉันเองก็ยังไม่มีความรู้ความสามารถในการสื่อติดต่อกับโลกวิญญาณหรือโลกทิพย์ ยังพูดกันไม่รู้เรื่อง คือท่านคงรู้เรื่องเรา แต่เราไม่รู้เรื่องท่าน

ย้อนหลังไปเมื่อสิบปีก่อน คืนวันหนึ่ง เป็นเวลาสองยามแล้ว หลังจากที่ได้สวดมนต์ภาวนาเรียบร้อยแล้วก็เข้านอนตามปรกติ  แต่คืนนี้ขณะที่กำลังจะเอนหลังนอน รู้สึกว่าจิตใจมันร้อนขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  ลุกจากเตียง แล้วรี่ไปที่หน้าต่าง ยกกำปั้นข้างขวาทุบที่กระจกหน้าต่างอย่างสุดแรง ดีว่าสามีนอนอยู่ที่นั่น ได้ยินเสียงดังที่หน้าต่าง (คงกลัวหน้าต่างจะแตก) เขารีบจับมือฉันแน่นเพื่อไม่ให้ทุบครั้งที่สองอีก  แต่ฉันรู้สึกว่า ขณะนั้นไม่ใช่ตัวฉันเองที่โกรธ ไม่ทราบว่าผีที่ไหนมาเล่นงานเรา จากนั้นก็มีเสียงร้องดังสุดขีดจนหมดสติ นอนฟุบอย่างไม่เป็นท่าอยู่ที่พื้น  สักครู่่ก็ค่อย ๆ  เงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ ตอนนั้นรู้สึกตัวแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ เรียกว่ายังงง ๆ อยู่.... ทีนี่แหละตื่นเต้นยังกะอะไรดี...เกิดมาก็เพิ่งจะเจอ ไม่ทราบว่าผีหรือเทวดากันแน่ ตัวเองก็ไม่มีแรง แต่ว่ายังมีสติรู้ว่า ไม่ใช่จิตของเราที่เป็นเช่นนี้  มันเป็นจิตแฝงเข้ามาชั่วขณะ  ซึ่งฉันเองก็ไม่สามารถ ต่อต้านพลังแฝงนี้ได้เลย อยู่ ๆ ก็พูดออกมาเป็นภาษาอะไรก็ไม่ทราบ ท่าทางคงจะแก่แรดเลย เพราะเวลาพูดน้ำลายไหลยืดเชียว ไม่มีใครเข้าใจภาษาของโลกทิพย์  เขาก็เลยต้องเปลี่ยนเป็นพูดภาษาไทย พวกเราก็เข้าใจ เขาบอกว่าตัวเขาเองคือหัวหน้าของพวกคนธรรพ์ เขาโกรธพวกเรามาก ที่ให้คนไปตัดต้นไม้ของเขาโดยพลการ ไม่บอกกล่าวให้ทราบก่อนล่วงหน้า เราก็ตกลงว่า "ต่อไปจะไม่ทำเช่นนี้อีก ถ้ามีการตัดต้นไม้อีกก็จะบอกให้ทราบล่วงหน้าก่อน" จากนั้นเราทั้งครอบครัว ก็ได้ออกไปจุดธูปขอขมาคนธรรพ์และรุกขเทวดากันกลางดึกในสวนหน้าบ้านในคืนนั้น  พอเสร็จการขอขมาแล้ว ฉันก็รู้สึกตัวเป็นปกติ แต่มือที่ไปทุบหน้าต่างซิมีอาการปวดมาก ที่สันมือเขียวช้ำและกระดูกหัก ต้องเข้าเฝือกเป็นเวลา ๑ เดือน นี่แหละผลของการไม่เชื่อแล้วยังชอบหลบหลู่่

ท่านอ่านเรื่องนี้แล้ว  ก็คงพอจะได้ข้อคิดเกี่ยวกับการปฏิบัติตนต่อเทวดาที่บ้านได้ถูกต้องนะคะ จะได้ไม่โดนเทวดาสั่งสอนเหมือนที่ฉันโดนมาแล้ว นับตั้งแต่นั้นมาเราก็เป็นมิตรกับเทวดา เวลาจะตัดต้นไม้ก็จะจุดธูปบอกล่วงหน้า ๓ วัน แล้ววันที่จะตัดต้องบอกกันแต่เช้า  เพื่อที่ท่านคนธรรพ์และท่านรุขเทวดาจะได้ย้ายที่อยูชั่วคราว หรือว่าไปเที่ยวที่อื่นก่อน ก็แล้วแต่ท่านจะสะดวก..... สิ่งเร้นลับมีจริงค่ะ  อ่านแล้วไตร่ตรองพิจารณาด้วยปัญญาของท่านเอง  พิสูจน์ได้ด้วยตนเอง  หรือจะลองพิสูจน์เองก็ได้จ๊ะ .....ขอทุกท่านจงเป็นที่รักของเหล่าเทวดาเทอญ.....พบกันอีกในบทความใหม่นะคะ


                                        ..........................................